ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังมุ่งความสนใจไปยังนโยบายปฏิรูประบบภาษี หลังจากเพิ่งล้มเหลวในความพยายามถอดถอนและแทนที่กฎหมายประกันสุขภาพของอดีตประธานาธิบดีโอบาม่า หรือ โอบาม่าแคร์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในวันอาทิตย์ ปธน.ทรัมป์ ได้แสดงความขุ่นเคืองผ่านทางทวิตเตอร์ โดยกล่าวโทษฝ่ายอนุรักษ์นิยมของพรรครีพับลิกันว่าเป็นต้นเหตุของความล้มเหลวครั้งนี้
คาดว่าในสัปดาห์นี้ ปธน.ทรัมป์ จะปรับเปลี่ยนเป้าหมายไปที่นโยบายปฏิรูประบบภาษี และนโยบายอื่นๆ แทน โดย ปธน.สหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า “จะเริ่มดำเนินการเรื่องการปฏิรูปภาษีและลดภาษีให้กับประชาชนในทันที”
ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ Steve Mnuchin บอกว่าตนเป็นผู้ดูแลเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูประบบภาษีของรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ ตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และว่าร่างกฎหมายนี้จะรวมถึงข้อเสนอลดภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาและบริษัทต่างๆ โดยให้ความสำคัญกับชนชั้นกลางมากกว่ากลุ่มคนที่รายได้สูง
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรี Mnuchin มิได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอัตราภาษีใหม่สำหรับบริษัทในสหรัฐฯ โดยบอกแต่เพียงว่าจะต่ำกว่าอัตราภาษีในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่ 35%
และมิได้เปิดเผยเกี่ยวกับข้อเสนอที่ให้เพิ่มภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการปฏิรูประบบภาษีที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และสมาชิกพรรครีพับลิกันคนอื่นๆ พูดถึงตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ บอกแต่เพียงว่า จะมีการเสนอร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของ ปธน.ทรัมป์ ในเร็ววันนี้ และหวังว่าจะผ่านรัฐสภาได้อย่างเร็วคือเดือนสิงหาคม
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่า ในสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีทรัมป์จะมุ่งเน้นไปที่การยกเลิกกฎเกณฑ์ต่างๆ ด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำไว้ในสมัยประธานาธิบดีโอบาม่า ซึ่งรวมถึงแผนพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาดด้วย
ผอ.สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ (EPA) ชี้ว่า ปธน.ทรัมป์ อาจลงนามในคำสั่งพิเศษว่าด้วยเรื่องพลังงานในวันอังคารที่จะถึงนี้ โดยคาดว่าคำสั่งนั้นจะระบุถึงการสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวในการนำร่างกฎหมายปฏิรูปประกันสุขภาพของพรรครีพับลิกันเพื่อให้รัฐสภาลงมติ ได้แสดงให้เห็นถึงความแตกแยกที่ลงลึกในฝั่งพรรครีพับลิกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเสนอร่างกฎหมายอื่นๆ รวมถึง โครงการปรับปรุงระบบโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานทั่วประเทศ และการก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ – เม็กซิโก
ตลอดจนการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณค่าใช้จ่ายของหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่มีกำหนดเส้นตายวันที่ 28 เม.ย เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดทำงานของหน่วยงานรัฐบาล (Government Shutdown) รวมทั้งการถกเถียงเรื่องเพดานการกู้ยืมเงินของรัฐบาล
อีกเรื่องซึ่งเป็นที่โต้แย้งและได้รับแรงต้านจากสมาชิกรัฐสภาของทั้งสองพรรคเป็นอย่างมาก คือข้อเสนอของประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อตัดงบประมาณของรัฐบาลกลางขนานใหญ่ โดยเฉพาะในส่วนของแผนงานสวัสดิการสังคมที่ช่วยเหลือคนยากจน และโครงการช่วยเหลือระหว่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์เชื่อว่า เวลาของ ปธน.ทรัมป์ ในการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ กำลังงวดเข้ามาทุกที เพราะตามปกติแล้ว ช่วงเวลา 6 เดือนครึ่งหลังเข้ารับตำแหน่ง คือช่วงที่ดีที่สุดในการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ก่อนที่จะเข้าสู่บรรยากาศของการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ
(ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียงรายงานจากห้องข่าววีโอเอ)