เมื่อเดือนมกราคม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะแยกตัวเองออกจากอาณาจักรธุรกิจของ Trump Organization อย่างเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน โดยจะให้บุตรชายทั้งสองคนดูแลธุรกิจทั้งหมดแทน
อย่างไรก็ตาม องค์กรตรวจสอบด้านจริยธรรมของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงตั้งข้อสงสัยว่า ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับองค์กรและรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลก ประกอบกับการที่ Trump Organization มีเครือข่ายธุรกิจในหลายประเทศนั้น การหลีกเลี่ยงจากปัญหาหาผลประโยชน์ทับซ้อนจะทำได้จริงหรือไม่?
ผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือ ผลประโยชน์ของชาติ?
องค์กรตรวจสอบด้านจริยธรรมและการทำงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งมาได้ราว 2 เดือน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่สามารถทำตามที่รับปากกับประชาชนได้อย่างสมบูรณ์ และยังคงเปิดเผยตัวเองต่อข้อกล่าวหาจากนักวิจารณ์ ในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน อย่างต่อเนื่อง
คุณ Noah Bookbinder ผอ.บริหารขององค์กรตรวจสอบด้านจริยธรรมของรัฐบาล Citizens for Responsibility and Ethics ในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า "มีหลายอย่างที่สามารถเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน แม้ว่า ปธน.ทรัมป์ จะทำทุกอย่างตามที่ได้วางโครงร่างไว้ก็ตาม"
เช่น การที่ทางการจีนเพิ่งรับรองการต่ออายุเครื่องหมายการค้า 38 แบบของบริษัท Trump ในประเทศจีน แม้ไม่มีหลักฐานว่า ปธน.ทรัมป์ ได้ประโยชน์จากกรณีนี้
องค์กรตรวจสอบที่ว่านี้ชี้ว่า "ตราบเท่าที่ ปธน.ทรัมป์ ยังคงไม่สามารถสลัดภาพตัวเองออกจากธุรกิจของ Trump Organization ในหลายประเทศได้ การตัดสินใจใดๆ ก็ตามในฐานะประธานาธิบดี ก็จะถูกมองว่ามีผลประโยชน์อยู่เบื้องหลังเช่นกัน ตัวอย่างเช่น การสั่งพลเมืองจากบางประเทศไม่ให้เดินทางเข้าสหรัฐฯ แต่กลับไม่ห้ามบางประเทศ เป็นต้น"
ด้านคุณ Fred Wertheimer ประธานองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Democracy 21 กล่าวว่า "ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ควรอยู่ในฐานะที่ต้องถูกตั้งคำถามถึงการตัดสินใจด้านนโยบายต่างประเทศว่า ลำเอียงเข้าข้างประเทศที่ตนมีผลประโยชน์ทางธุรกิจอยู่ด้วยหรือไม่"
ความลงนามเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ ได้ใช้วิธีหลีกเลี่ยงปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนของตน ด้วยการลงนามในเอกสาร 2 ชุด
ชุดแรกนั้นเป็นเอกสารความยาว 19 หน้า ระบุถึงการลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารของบริษัทในเครือ Trump Organization 488 แห่ง ซึ่งรวมถึงสโมสร Mar-a-Lago Club ในเมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ที่เรียกกันว่าเป็น “ทำเนียบขาวฤดูหนาว”
ชุดที่สองเป็นเอกสารด้านการจัดการทรัพย์สิน ซึ่งระบุให้บุตรชายคนโต คือ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของ Trump Organization เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของอาณาจักรธุรกิจ Trump
อย่างไรก็ตาม การส่งมอบอำนาจทางธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป เพราะต้องผ่านกระบวนการต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐบาล เพื่อให้รับทราบการโอนอำนาจการตัดสินใจในธุรกิจนั้นจากบุคคลหนึ่งไปยังคณะบุคคลหนึ่งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
การแต่งตั้งที่ปรึกษาด้านจริยธรรมและการตรวจสอบ
ปธน.ทรัมป์ ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาด้านจริยธรรมคนใหม่ สำหรับทั้งรัฐบาล และขององค์กร Trump Organization ด้วย
โดยในส่วนของ Trump Organization นั้น ปธน.ทรัมป์ ได้แต่งตั้ง นาย Bobby Burchfield ทนายความเก่าแก่ของพรรครีพับลิกัน ให้เป็นที่ปรึกษาในการทำข้อตกลงทางธุรกิจต่างๆ
ขณะเดียวกัน ได้มีการแต่งตั้งรองประธานฝ่ายบริหาร George Sorial เป็นประธานฝ่ายตรวจสอบการปฏิบัติงานของบริษัทเช่นกัน
ส่วนในฝั่งของรัฐบาลมีการแต่งตั้ง นาย Stefan Passatino ทนายความทที่รู้จักสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคน ให้เป็นรองที่ปรึกษาด้านจริยธรรมประจำทำเนียบขาว
ไม่ทำข้อตกลง - ถอนการลงทุนในต่างประเทศ
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ สัญญาว่า Trump Organization จะไม่มีการทำข้อตกลงใหม่ๆ ระหว่างที่ตนดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และที่ผ่านมา Trump Organization ได้ยกเลิกข้อตกลงการลงทุนไปแล้วหลายฉบับในต่างประเทศ เช่นที่ อาเซอร์ไบจาน จอร์เจีย และบราซิล
ขณะที่ซีอีโอของ Trump Hotels ก็รับปากว่าจะไม่มีการลงทุนในจีนในช่วงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีด้วย
ถึงกระนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ Trump Organization ได้แสดงความสนใจที่จะลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในโดมินิแกน รีพับลิค ระหว่างที่ อีริค ทรัมป์ บุตรชายคนที่สองของ ดดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนประเทศแถบแคริบเบียนแห่งนี้
ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนบอกว่า ในภาคธุรกิจอสังริมทรัพย์ที่มีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Trump Organization การให้สัญญาว่าจะไม่มีการทำข้อตกลงใหม่ๆ แทบไม่มีความหมาย เพราะในที่สุดแล้ว ข้อตกลงก็ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว
นั่นหมายความว่า “ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน” ก็จะยังผูกติดกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ตลอดช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แม้ว่ากฎหมายสหรัฐฯ จะไม่มีข้อกำหนดอย่างเป็นลายลักษณ์อีกษรเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนนี้ก็ตาม
(Masood Farivar มีรายงานเรื่องนี้ / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)