ประธานสภาผู้แทนราษฎร สหรัฐฯ ส.ส. แนนซี เพโลซี และแกนนำพรรคเดโมเเครตคนอื่นๆ ร่วมแถลงเปิดเผยสองญัตติขอถอดถอนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง เรื่องการใช้อำนาจในทางที่ผิดและขัดขวางการทำงานของรัฐสภา
ข่าวนี้เป็็นความคืบหน้าสำคัญ เพราะแสดงถึงการเดินเรื่องที่เข้าใกล้สู่การลงมติเรื่องการขอถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์แบบเต็มองค์คณะ ก่อนวันหยุดช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่จะมาถึง
เมื่อวันอาทิตย์ ส.ส. เจอร์โรลด์ แนดเลอร์ ประธานคณะกรรมาธิการตุลาการของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า ญัตติขอถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง น่าจะสามารถชี้ให้เห็นถึงการกระทำผิดได้อย่างรวดเร็วเพราะมีข้อมูลที่หนักแน่น
ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่เดโมแครตคุมเสียงข้างมากกำลังดำเนินการตรวจสอบว่าผู้นำสหรัฐฯ กระทำผิดหรือไม่ ในกรณีที่เขาขอให้ยูเครนตรวจสอบคู่แข่งทางการเมืองของตน
คณะกรรมาธิการของเขาอาจลงมติภายในสิ้นสัปดาห์นี้ว่าจะผ่านญัตติขอถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์หรือไม่ จากนั้นสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อาจลงมติเรื่องการขอถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์แบบเต็มองค์คณะในสัปดาห์หน้า ตามรายงานของสื่อ Washington Post
และถ้าเป็นไปตามนั้น วุฒิสภาก็จะลงมติว่าจะถอดถอน โดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีหรือไม่ในเดือนมกราคมปีหน้าได้
อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ที่โดนัลด์ทรัมป์จะถูกถอดถอนมีไม่มาก เพราะพรรครีพับลิกันที่เขาสังกัดอยู่คุมเสียงข้างมากในวุฒิสภา
ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่24 กันยายน กระบวนการไต่สวนขอถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์อย่างเป็นทางการมุ่งเป้าส่วนใหญ่ไปที่เรื่องที่ทรัมป์ขอให้ประธานาธิบดียูเครนตรวจสอบคู่แข่งทางการเมือง คืออดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเด้น และลูกชาย ฮันเตอร์ ไบเด้น ซึ่งเคยเป็นผู้บริหารบริษัทพลังงานในยูเครน
แม้ช่วงเวลานั้นจะตรงกับที่ประธานาธิบดีทรัมป์ระงับความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครนมูลค่า 391 ล้านดอลลาร์ แต่ผู้นำสหรัฐฯ ยอมให้มีการสนับสนุนดังกล่าวในเดือนกันยายนโดยที่ยูเครนไม่ได้ประกาศการสอบสวนโจ และ ฮันเตอร์ ไบเด้น
ประธานาธิบดีทรัมป์โจมตีกระบวนการไต่สวนขอถอดถอนตนโดยคณะทำงานในสภาผู้แทนฯ ว่าไม่ชอบธรรม และตั้งข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความผิด
ในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกันนั้น มีประธานาธิบดีถูกตั้งข้อหาเพื่อถอดถอนในสภาล่างมาแล้วสองครั้ง คืออดีตประธานาธิบดีแอนดรูว์ จอห์นสัน ในช่วงกลางศตวรรษที่19 และอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ซึ่งทั้งคู่ถูกสภาล่างที่ทำหน้าที่คล้ายอัยการตั้งข้อหาเพื่อถอดถอน แต่วุฒิสภาซึ่งทำหน้าที่คล้ายศาลลงมติไม่เห็นด้วยกับข้อกล่าวหา
ส่วนผู้นำสหรัฐฯ อีกคนหนึ่งซึ่งถูกกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนเช่นกัน คืออดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน แต่ได้ชิงลาออกจากตำแหน่งก่อนที่กระบวนการดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์