นักวิชาการสามราย ที่ขึ้นตอบคำถามคณะกรรมาธิการด้านตุลาการของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ระบุว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กระทำการที่สามารถเอาผิด ด้วยการถอดถอนจากตำแหน่งได้ ในกรณีที่เขากดดันให้ยูเครนตรวจสอบบุคคล เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง
การให้ข้อมูลของปราชญ์ด้านกฎหมายทั้งสามคน เป็นส่วนหนึ่งของการไต่สวนขอถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์โดยฝ่ายเดโมแครตที่คุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
กระบวนการนี้มุ่งเป้าไปที่ การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ขอให้ประธานาธิบดียูเครน ตรวจสอบ คู่แข่งทางการเมือง อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเด้นและลูกชายฮันเตอร์ ไบเด้น ซึ่งเคยเป็นผู้บริหารบริษัทพลังงานในยูเครน
รัฐธรรมนูญสหรัฐฯถูกเขียนมาอย่างรอบคอบ เพื่อปิดช่องไม่ให้ บุคคลใดมีอำนาจเสมือนกษัตริย์ ที่อยู่เหนือกฎหมาย บนแผ่นดินสหรัฐฯศาสตราจารย์ไมเคิล เกอร์ฮาร์ดท์ แห่งมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา
ศาสตราจารย์ โนอาห์ เฟลด์แมน จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกล่าวต่อสภาว่า การกระทำของทรัมป์ ถือว่า เป็นการขอความช่วยเหลืออย่างไม่ถูกต้อง จากประธานาธิบดี โวโลดิเมีย เซเลนสกี ของยูเครน
ศาสตราจารย์ เฟลด์แมน กล่าวว่า การทำเช่นนั้นถือว่าเป็น การก่ออาชญากรรมและประพฤติผิดขั้นสูง หรือ “high crimes and misdemeanors” ตามที่รัฐธรรมนูญสหรัฐฯเขียนไว้
ส่วนศาสตราจารย์ พาเมลา คาร์แลน จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวว่าประธานาธิบดีทรัมป์ “ใช้อำนาจในทางที่ผิดอย่างร้ายแรง” ในกรณีดังกล่าว
นอกจากนี้ศาสตราจารย์ไมเคิล เกอร์ฮาร์ดท์ แห่งมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา กล่าวว่าถ้าสภาล้มเหลวในการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ ถือว่า “กระบวนการถอดถอนไร้ซึ่งความหมาย”
อย่างไรก็ตามศาตราจารย์ โจนาธานเทอร์ลีย์ จากมหาวิทยาลัย จอร์จ วอชิงตัน ซึ่งกล่าวว่าเขาไม่ได้สนับสนุนทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี ค.ศ. 2016 ระบุว่า ไม่มีเหตุที่อ้างได้อย่าง ‘สมบูรณ์’ ว่าการกระทำของโดนัลด์ ทรัมป์ มีความผิดเพื่อนำไปสู่การถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งได้