ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส.ส.แนนซี เพโลซี สั่งให้บรรดาผู้นำพรรคเดโมแครตเดินหน้าจัดทำร่างมาตราถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยแถลงอย่างชัดเจนว่า "ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด"
ส.ส.เพโลซี ระบุในคำแถลงว่า ปธน.ทรัมป์ ไม่ปฏิบัติตามบรรทัดฐานความประพฤติของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ควรจะเป็น และละเมิดคำปฏิญาณตนที่กล่าวไว้ตอนรับตำแหน่ง ด้วยการขอให้ยูเครนสอบสวนหนึ่งในคู่แข่งทางการเมืองของตน คืออดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเด้น เพื่อให้ตนเองได้เปรียบในการลงเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง
ส.ส.เพโลซี กล่าวว่า ความจริงที่ไม่สามารถโต้เถียงได้ คือประธานาธิบดีทรัมป์ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิดเพื่อประโยชน์ทางการเมืองแลกกับความมั่นคงแห่งชาติ
ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ขอให้ ส.ส.เจอร์โรลด์ แนดเลอร์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านยุติธรรมของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และสมาชิกพรรคเดโมแครตคนอื่น ๆ เป็นผู้ร่างมาตราถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์
คาดว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะลงมติว่าจะถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์หรือไม่ ก่อนวันคริสต์มาสที่จะถึงนี้ ซึ่งหากผ่านความเห็นชอบของสภาล่างก็จะส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาในเดือนมกราคมต่อไป
อย่างไรก็ตาม คาดว่าวุฒิสภาสหรัฐฯ จะไม่ผ่านความเห็นชอบให้ถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ เนื่องจากต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 ของวุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งเวลานี้ครอบครองโดยพรรครีพับลิกัน จึงจะสามารถถอดถอนผู้นำสหรัฐฯ ได้
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตข้อความในวันพฤหัสบดี ตอบโต้คำแถลงของ ส.ส.เพโลซีว่า พรรคเดโมแครตซึ่งมีแนวคิดซ้ายสุดโต่งกำลังจะพยายามถอดถอนตนทั้งที่ตนไม่ได้ทำอะไรผิด
ปธน.ทรัมป์ กล่าวด้วยว่า การที่สภาล่างพยายามเดินหน้าให้มีการถอดถอนตน หมายความว่าในอนาคตจะมีการใช้การถอดถอนเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อโจมตีประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อ ๆ ไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ก่อตั้งอเมริกาไม่ต้องการให้เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ดีก็คือ พรรครีพับลิกันยังคงมีเอกภาพแข็งแกร่ง ซึ่งในที่สุดเราจะเป็นผู้ชนะ
ในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกันนั้น มีประธานาธิบดีถูกตั้งข้อหาเพื่อถอดถอนในสภาล่างมาแล้วสองครั้ง คืออดีตประธานาธิบดีแอนดรูว์ จอห์นสัน ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 และอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ซึ่งทั้งคู่ถูกสภาล่างที่ทำหน้าที่คล้ายอัยการตั้งข้อหาเพื่อถอดถอน แต่วุฒิสภาซึ่งทำหน้าที่คล้ายศาล ลงมติไม่เห็นด้วยกับข้อกล่าวหา
ส่วนผู้นำสหรัฐฯ อีกคนหนึ่งซึ่งถูกกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนเช่นกัน คืออดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน แต่ได้ชิงลาออกจากตำแหน่ง ก่อนที่กระบวนการดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์