ในวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐฯ สตีฟ แบนนอน อดีตที่ปรึกษาของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกตัดสินจำคุกสี่เดือน จากความผิดที่ว่าไม่ให้ความร่วมมือกับสภาคองเกรสในการสืบสวนเหตุโจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคมปีที่แล้ว ตามรายงานของรอยเตอร์
ผู้พิพากษาคาร์ล นิโคลส์ ผู้ตัดสินลงโทษแบนนอน ยังสั่งให้เขาจ่ายค่าปรับ 6,500 ดอลลาร์ แต่อนุญาตให้เขาขอเลื่อนการรับโทษออกไประหว่างยื่นขออุทธรณ์คำตัดสินได้
เมื่อเดือนกรกฎาคม แบนนอนถูกตัดสินว่า มีความผิดข้อหาหมิ่นประมาทสภาคองเกรส เนื่องจากไม่มอบเอกสารหรือหลักฐานให้กับคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ไต่สวนเหตุโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคมปีที่แล้ว โดยอัยการยื่นฟ้องให้แบนนอนรับโทษจำคุก 6 เดือน
อัยการ เจ พี คูนีย์ ระบุว่า แบนนอนเลือกที่จะไม่เคารพสภาคองเกรส และว่าอดีตที่ปรึกษาของทรัมป์นั้น "ไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย และนั่นคือ สิ่งที่ทำให้คดีนี้มีความสำคัญยิ่ง"
ทั้งนี้ แบนนอน วัย 68 ปี เคยเป็นที่ปรึกษาหลักในช่วงที่ทรัมป์รณรงค์หาเสียงก่อนการเลือกตั้งปธน. เมื่อปี 2016 ก่อนที่เขาจะมาทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ประจำทำเนียบขาวในปีถัดมา หลังจากนั้น แบนนอนและทรัมป์ไม่ลงรอยกัน แต่ก็กลับมาร่วมมือกันอีกครั้งในเวลาต่อมา
แบนนอนได้ช่วยปั้นนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน (America First)” ซึ่งเป็นนโยบายประชานิยมสายขวา และยังเป็นผู้ผลักดันการต่อต้านผู้อพยพซึ่งเป็นนโยบายหลักในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ นอกจากนั้น เขายังมีบทบาทเด่นในสื่อฝั่งขวาและสนับสนุนแนวความคิดและบุคคลฝั่งขวาทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 6 มกราคมปีที่แล้ว กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์บุกเข้าอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ และโจมตีตำรวจด้วยกระบอง ค้อนขนาดใหญ่ เสาธง เครื่องช็อตไฟฟ้า สารเคมีที่ทำให้ระคายเคือง ท่อเหล็ก ก้อนหิน ราวกันตก และอาวุธอื่น ๆ เพื่อพยายามขัดขวางรัฐสภาไม่ให้รับรองผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ที่ทรัมป์แพ้ให้กับโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต
ทางด้านแบนนอนไม่ขอขึ้นกล่าวต่อศาลก่อนการพิพากษาเมื่อวันศุกร์ ขณะที่ เดวิด สโคเอ็น ทนายของเขา ระบุว่า แบนนอนปฏิบัติตามคำแนะนำของทนายในการไม่ทำตามหมายเรียกจากรัฐสภาสหรัฐฯ หลังทรัมป์ใช้สิทธิพิเศษฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นกฎหมายที่คุ้มกันไม่ให้ข้อมูลการสื่อสารภายในทำเนียบขาวถูกเปิดเผย
คณะกรรมาธิการที่ไต่สวนเหตุโจมตีอาคารรัฐสภาระบุว่า แบนนอนพูดคุยกับทรัมป์อย่างน้อยสองครั้งในช่วงหนึ่งวันก่อนเกิดเหตุ เข้าร่วมประชุมวางแผนที่โรงแรมในกรุงวอชิงตัน และกล่าวในพอดแคสต์ว่า “พรุ่งนี้นรกแตกแน่”
อัยการเรียกพยานเพียงสองคนระหว่างขั้นตอนการไต่สวน ขณะที่ ทีมทนายของแบนนอนไม่ได้เรียกพยานแต่อย่างใด และแบนนอนเลือกที่จะไม่ให้การในชั้นศาล ขณะที่ ผู้พิพากษานิโคลส์ไม่อนุญาตให้เขาอ้างใช้สิทธิพิเศษทางกฎหมายเพื่อไม่ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการไต่สวน
ทนายของแบนนอนระบุว่า พวกเขาจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินในครั้งนี้ ขณะที่ คณะกรรมการไต่สวนเหตุโจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ระบุว่า การตัดสินครั้งนี้เป็น “ชัยชนะของหลักนิติธรรม” และระบุว่า แบนนอนพยายามระบุว่า ข้อหาทางอาญาที่เขาเผชิญมีแรงจูงใจทางการเมือง และกล่าวโจมตีทั้ง ปธน.ไบเดน และเมอร์ริค การ์แลนด์ รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ
ทั้งนี้ คณะกรรมการที่นำโดยสมาชิกพรรคเดโมแครตนี้ ได้หาพยานจากผู้ที่อยู่รอบตัวทรัมป์หลายสิบคน โดยอัยการยังได้ตั้งข้อกล่าวหาต่อ ปีเตอร์ นาวาร์โร อดีตที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว ด้วยข้อหาหมิ่นประมาทสภาคองเกรส เนื่องจากไม่ปรากฎตัวตามหมายเรียกของคณะกรรมการไต่สวน ขณะที่ นาวาร์โรไม่สารภาพยอมรับผิด
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แบนนอนถูกอัยการรัฐนิวยอร์กยื่นฟ้องในข้อหาฟอกเงินและสมรู้ร่วมคิด โดยอัยการกล่าวหาว่า เขาล่อลวงให้ผู้คนบริจาคเงินเพื่อสร้างกำแพงกั้นชายสหรัฐฯ – เม็กซิโก ขณะที่ แบนนอนไม่สารภาพยอมรับผิด ซึ่งหากเขาถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาอาจรับโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี
- ที่มา: รอยเตอร์