เวลานี้ ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังอยู่ระหว่างการเยือนเอเชีย 5 ประเทศ เป็นเวลา 12 วัน โดยมีประเด็นหลักในเรื่องการค้า การลงทุน และโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
โดยในวันจันทร์ ปธน.ทรัมป์ ร่วมประชุมหารือกับ นายกฯ ออสเตรเลีย มัลคอล์ม เทิร์นบุลล์ และนายกฯ ญี่ปุ่น ชินโซ่ อาเบะ ที่กรุงมะนิลา นอกรอบจากการประชุมอาเซียน และได้เน้นย้ำความสำคัญระหว่าง 3 ประเทศเพื่อต่อต้านภัยคุกคามด้านความมั่นคงในภูมิภาคนี้ ซึ่งรวมถึงโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และการแผ่ขยายอิทธิพลทางทหารของจีน
นายกฯ อาเบะ กล่าวว่า กุญแจสำคัญ คือทั้งสามประเทศ ต้องร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งเพื่อนำสันติภาพมายังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ด้านนายกฯ เทิร์นบุลล์ ระบุว่า ทั้งสามประเทศต่างมีจุดมุ่งหมายไปในทางเดียวกัน คือการยับยั้งการรุกรานของเกาหลีเหนือ
ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ได้ส่งเรือรบ 3 ลำไปยังแถบมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันตก เพื่อแสดงแสนยานุภาพทางทะเล และร่วมซ้อมรบกับประเทศพันธมิตร คือ เกาหลีใต้และญี่ปุ่น
ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์เช่นกัน ปธน.ทรัมป์ ได้พบหารือกับ ปธน.ฟิลิปปินส์ โรดริโก้ ดูเตรเต้ ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียน
หลังการประชุม ปธน.ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนและดูเตรเต้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และการเจรจาเป็นไปอย่างประสบความสำเร็จ
โดยแถลงการณ์ร่วมระบุว่า ผู้นำทั้งสองประเทศต่างกล่าวประณามกรุงเปียงยางที่ทดสอบจรวดขีปนาวุธและนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผู้สื่อข่าวถามว่า ปธน.ทรัมป์ ได้หยิบยกประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนขึ้นมาพูดกับผู้นำฟิลิปปินส์หรือไม่นั้น ปธน.ดูเตรเต้ ได้บอกปัดที่จะตอบคำถามนี้
ต่อมา โฆษกทำเนียบขาว ซาราห์ ฮัคเคอร์บี้ แซนเดอร์ส กล่าวว่า ผู้นำทั้งสองประเทศเน้นหารือเรื่องภัยจากผู้ก่อการร้าย ยาเสพติด และการค้า ซึ่งประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในฟิลิปปินส์นั้น ถูกรวมอยู่ในเรื่องของยาเสพติดเช่นกัน
แต่ทางโฆษกของ ปธน.ดูเตรเต้ ได้ออกมากล่าวปฏิเสธว่าไม่มีการหยิบยกเรื่องสิทธิมนุษยชนขึ้นมาพูดถึงแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน เกิดการประท้วงเป็นวันที่สองติดต่อกันบริเวณสถานที่จัดการประชุมอาเซียนในกรุงมะนิลา และได้มีการปะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ชุมนุมที่มีจำนวนหลายพันคน ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายคน
ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้จุดไฟเผาโปสเตอร์ภาพ ปธน.ทรัมป์ และตะโกนไล่ผู้นำสหรัฐฯ ออกไปจากประเทศ โดยบอกว่าอเมริกากำลังจะก่อให้เกิดสงครามในภูมิภาคนี้