กลุ่มต่อต้านรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเวลานี้ที่ประกอบด้วยคนหนุ่มสาวยุค เจน-ซี (Generation Z) เดินหน้าร่วมมือกับกลุ่มเคลื่อนไหวด้านประชาธิปไตยที่รู้จักกันในชื่อ “กลุ่มคนเสื้อแดง” เพื่อกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศ อาจกำลังกลายมาเป็นสิ่งที่อาจสั่นคลอนรัฐบาลชุดปัจจุบันได้อย่างมาก
ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า ตราบใดที่อดีตผู้นำกองทัพผู้นี้ยังคงรักษาแรงหนุนจากกลุ่มหลักๆ ในประเทศ รวมทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์ เหล่าทัพ และธุรกิจสำคัญๆ ทั้งหลาย การก้าวลงจากตำแหน่งไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะมีแรงกดดันจากผู้ประท้วงมากเพียงใดก็ตาม
การชุมนุมประท้วงเกือบทุกวัน อันมีเหตุผลหลักมาจากความไม่พอใจต่อความสามารถของรัฐบาลในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19 และผลกระทบของวิกฤตสาธารณสุขนี้ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ส่งผลให้หลายพื้นที่ในกรุงเทพคละคลุ้งไปด้วยแก๊สน้ำตา และเกิดเห็นไฟไหม้เป็นจุดๆ ด้วยฝีมือของผู้ประท้วงเลือดร้อนที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า เหตุการใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ชุมนุมอาจทำให้กองทัพต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวและทำให้วิกฤตการเมืองของไทยหนักหน่วงขึ้นต่อไปได้
นอกเหนือจากการเดินเท้าเข้าชุมนุมประท้วงแล้ว ผู้ต่อต้านรัฐบาลบางกลุ่มเลือกที่จะแสดงออกจุดยืนของตนด้วยการเข้าร่วม “คาร์ม็อบ” ซึ่งก็คือการชุมนุมพร้อมยานพาหนะ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ทีผ่านมา ทั้งในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ที่ถูกจัดให้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของกลุ่มชาวเสื้อแดงในภาคเหนือและภาคอีสาน
และล่าสุด ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตผู้นำการประท้วงของกลุ่มเสื้อแดงได้นำกลุ่มผู้สนับสนุนเข้าร่วมการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมชาว Gen Z ด้วยแล้ว
นายณัฐวุฒิ บอกกับ วีโอเอ ว่า “นี่คือ การทำงารร่วมกันระหว่างคนสองยุคเพื่อต่อสู้กับศัตรูเดียวกัน”
ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมประท้วงชาว Gen Z เป็นกลุ่มต่อต้านที่มีปากเสียงด้วยวาทะฉะฉาน และมีอาวุธเป็นสื่อสังคมออนไลน์ ออกมาท้าทายอำนาจรัฐอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก พร้อมทั้งให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อไม่ให้กองทัพเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองเป็นการถาวร รวมทั้งขอให้มีการปฏิรูปพระราชอำนาจของสถาบันกษัตริย์ด้วย
ผู้ประท้วงวัย 25 ปีที่ใช้ชื่อว่า “ป๊อป” บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อน พลเอกประยุทธ์ ก่อรัฐประหารนั้น ตนเป็นเพียงนักเรียนคนหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอถึงรู้สึกว่า การเมืองของประเทศมีผลกระทบต่อคนทุกคน ทำให้เธอตัดสินใจออกมายืนบนท้องถนนและร่วมกับการเคลื่อนไหวเพื่อกดดันให้รัฐบาลชุดนี้ก้าวลงจากอำนาจ
อาจารย์กนกรัตน์ เลิศชูสกุล จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกกับ วีโอเอ ว่า ในตอนนี้ พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้เพียงกำลังปกป้องตำแหน่งของตน แต่ยังปกป้องผลประโยชน์ของสถาบันที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ต่างๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วย
นั่นหมายความว่า ไม่ว่าสถานการณ์ต่างๆ จะเลวร้ายลงเพียงใด หรือการระบาดของโคโรนาไวรัสจะคร่าชีวิตผู้คนเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน ขณะที่การแจกจ่ายวัคซีนในไทยยังอยู่ในระดับต่ำ และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะหดตัวไปเพียงใด พลเอกประยุทธ์ก็ไม่น่าหวั่นและจะคงยืนอยู่ในตำแหน่งต่อไป