ที่ผ่านมาหลายสิบปี ไต้หวันมองว่า จีนเป็นภัยคุกคาม และเมื่อการเลือกตั้งผู้นำรัฐบาลไทเปใกล้เข้ามาในวันที่ 13 ม.ค. ประเด็นดังกล่าวยิ่งเป็นที่ถูกพูดถึงมากขึ้น
ที่เห็นชัดเจนคือ ประชาชนจำนวนหนึ่งถึงกับลุกขึ้นมาเตรียมตัวหากว่าเกิดสงครามขึ้นจริง ๆ ตั้งเเต่การฝึกใช้ปืน และวิทยุสื่อสาร ไปจนถึงการปฐมพยาบาล
โทนี ลู ผู้ที่เคยร่วมรบในยูเครน กล่าวว่า "ตั้งเเต่เกิดสงครามรัสเซียยูเครน เกิดการเรียนการสอนประชาชนเรื่องการทหารมากขึ้น" ที่ไต้หวัน
การฝึกทักษะป้องกันประเทศ เป็นเครื่องสะท้อนหนึ่งถึงความคิดของชาวไต้หวันที่ว่า หากรัสเซียรุกรานยูเครนได้ จีนก็อาจโจมตีไต้หวันได้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าววีโอเอพบด้วยว่า ชาวได้หวันจำนวนหนึ่งสนใจการใช้วิทยุสื่อสารสมัครเล่นด้วย
สถาบัน 'คูมา อะคาเดมี' ให้ความรู้การตรวจสอบข้อมูลเท็จ รวมถึงทักษะการอยู่รอดเมื่อบริการพื้นฐานหยุดชะงัก และการช่วยเหลือผู้อื่นให้รอดชีวิต
สถาบันกล่าวว่า นักเรียนส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
มาร์โค โฮ ผู้ร่วมก่อตั้ง 'คูมา อะคาเดมี' บอกว่า กลุ่มนักเรียน" เเทบจะเป็นเหมือนทีมคุณเเม่ พวกเขามีเเรงผลักดันมาเรียนที่นี่เพราะ จะได้รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างหากเกิดเหตุการณ์พิเศษ เช่นสงคราม พวกเขาต้องการรู้ว่าจะปกป้องครอบครัวของตนได้อย่างไร"
ประวัติศาสตร์ระหว่างไต้หวันและจีน เริ่มจากสงครามกลางเมืองของจีนที่จบลงเมื่อกว่า 70 ปี ก่อน พรรคคอมมิวนิสต์ชนะสงครามและรัฐบาลชาตินิยมถอยไปอยู่ไต้หวัน
รัฐบาลปักกิ่งถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน แม้ว่าไต้หวันเองมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของตน
ความเป็นไปได้ที่จีนจะโจมตีไต้หวันเป็นที่ถูกพูดถึงตลอดมา เเต่เมื่อกาลเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ผู้คนรู้สึกชินชากับเรื่องนี้ไป ตามความเห็นของโฮ
เขากล่าวว่า "บ่อยครั้งที่คนคิดว่า หากบางอย่างไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อวาน และไม่ได้เกิดขึ้นในวันนี้ มันก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ความคิดแบบนี้อันตรายมาก"
อย่างไรก็ตาม คนจำนวนมากมองว่า ตั้งเเต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงขึ้นมาเป็นผู้นำจีน มุมมองเรื่องภัยคุกคามจากจีนเปลี่ยนไป โดยโฮกล่าวว่า สีต้องการเป็นผู้กำหนดมาตรฐานโลก
วาโตโต โลว นักศึกษาทักษะสำหรับประชาชนเรื่องการปกป้องประเทศ กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนควรทราบถึงอิทธิพลและความเสี่ยงของสงครามข้อมูลข่าวสาร
อย่างไรก็ตาม โทนี ลู ตั้งคำถามถึงความสามารถปกป้องประเทศของประชาชนไต้หวัน
"ผมไม่ได้มองโลกในแง่ดีมากนัก ประชาชนต้องเพิ่มความเเข็งเเกร่งให้กับความสามารถปกป้องไต้หวัน ชีวิตที่ผ่านมันสงบสุขเกินไป" เขากล่าว
ผู้ที่ติดตามการเมืองไต้หวันเห็นว่าไม่ว่าใครจะชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ไม่ใช่เป็นปัจจัยที่จีนใช้ตัดสินใจ หากว่าจะโจมตีไต้หวัน
โฮจึงเตือนว่า ชาวไต้หวันต้องเผชิญกับความจริงให้ได้ว่า สงครามเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้และควรเตรียมตัวไว้
- ที่มา: วีโอเอ
กระดานความเห็น