สำนักข่าวรอยเตอร์ออกรายงานเชิงวิเคราะห์ที่ระบุว่าการเลือกตั้งของไต้หวันในสัปดาห์หน้า จะเป็นสิ่งท้าทายต่อสหรัฐฯ ไม่ว่าพรรครัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้านจะชนะ
หากพรรครัฐบาลชนะในการเลือกตั้งวันที่ 13 ม.ค. เหตุการณ์นี้น่าจะยิ่งทำให้ความตึงเครียดระหว่างจีนกับรัฐบาลกรุงวอชิงตันย่ำแย่ลง แต่ว่าหากพรรคฝ่ายค้านชนะ อาจเกิดคำถามที่ไม่ง่ายต่อนโยบายกลาโหมของไต้หวันในอนาคต
ทางการปักกิ่ง ซึ่งอ้างว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของตน เปรียบการเลืกตั้งของไต้หวันว่า เป็นการเลือกระหว่างสงครามและสันติภาพ
จีนแผ่นดินใหญ่เตือนว่าความพยายามใด ๆ ที่จะผลักดันให้ไต้หวันมีอิสรภาพจากจีน หมายถึงการสร้างความขัดเเย้ง ส่วนรัฐบาลไต้หวันไม่ยอมรับคำอ้างของจีนเรื่องอธิปไตยเหนือเกาะแห่งนี้
ที่ผ่านมารัฐบาลอเมริกันระมัดระวังที่จะเเสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ แทรกแซงกระบวนการภายในของไต้หวัน
เอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศจีน นิโคลัส เบิร์นส์กล่าวว่า "เรามีการคาดการณ์และความหวังอันเเรงกล้าว่าการเลือกตั้งจะปราศจากการข่มขู่หรือบังคับหรือเเทรกแซงจากทุกฝ่าย"
เขากล่าวด้วยว่า "สหรัฐฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องและจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งนี้"
พรรคประชาธิปไตยหัวก้าวหน้า Democratic Progressive Party หรือ DPP ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล มีรองประธานาธิบดี ไล ชิงเต๋อ เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้นำไต้หวัน
จีนมองว่าตัวเเทนของพรรค DPP ผู้นี้เป็นบุคคลที่ต้องการแบ่งแยกดินเเดน และหากว่าเขาชนะการเลือกตั้ง นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ารัฐบาลปักกิ่งน่าจะยกระดับแรงกดดันทางทหารต่อไต้หวัน
อีกด้านหนึ่ง ก๊กมินตั๋ง พรรคฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ส่งตัวเเทนชื่อ โหว โหย่วอี๋ โดยพรรคของเขาต่อต้านอย่างหนักแน่นต่อการแยกตัวออกจากจีน
อย่างไรก็ตามทั้ง DPP และ ก๊กมินตั๋งกล่าวเช่นเดียวกันว่า จะสามารถรักษาความสงบสุขของไต้หวันและจะเพิ่มความเเข็งเเกร่งทางกลาโหมให้กองทัพ
รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่าไม่สนับสนุนเอกราชของไต้หวันออกจากจีน แต่ประเด็นอ่อนไหวอาจเกิดขึ้นหากตัวเเทนพรรคก๊กมินตั๋งชนะเลือกตั้ง
ที่อาจจะเป็นเช่นนั้นก็เพราะ ที่ผ่านมาสหรัฐฯ เน้นการป้องปรามจีน ด้วยการสนับสนุนด้านกลาโหมต่อไต้หวัน ส่วนพรรคก๊กมินตั๋งส่งเสริมสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับปักกิ่ง
อดีตทูตอย่างไม่เป็นทางการของสหรัฐฯ ประจะไต้หวัน ดักกลาส พัล กล่าวว่า "คำพูดจากปากเจ้าหน้าที่รัฐบาล (อเมริกัน) ระบุว่าพวกเขาเป็นกลาง แต่ภาษาท่าทาง ที่สะท้อนออกมาจากถ้อยเเถลงเชิงนโยบายโดยรวม ชี้ว่าพวกเขาสนับสนุน DPP ที่รู้ว่าเป็นอย่างไร มากกว่า (ก๊กมินตั๋ง) ที่พวกเขาไม่ค่อยจะเเน่ใจ"
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางรายบอกกับรอยเตอร์ว่าพวกเขากำลังเตรียมตัวต่อการเพิ่มเเรงกดดันทางทหาร เศรษฐกิจและการทูตจากจีนต่อไต้หวัน ไม่ว่าใครชนะเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม คาริส เทมเพิลเเมน แห่งสถาบัน Hoover Institution ที่มหาวิทยาลัยสเเตนฟอร์ดของสหรัฐฯ กล่าวว่าหากตัวเเทนจากพรรคก๊กมินตั๋งชนะเลือกตั้ง ผลดังกล่าว "อาจช่วยสร้างเสถียรภาพต่อความสัมพันธ์ (ไต้หวัน-ปักกิ่ง) และลดระดับภัยคุกคามระยะสั้น รวมทั้งซื้อเวลาให้กับการปฏิรูปด้านกลาโหมของไต้หวัน"
- ที่มา: รอยเตอร์