ผู้นำหลายสิบประเทศทั่วโลกเข้าร่วมประชุมสุดยอดระหว่างประเทศว่าด้วยประเด็นยูเครน ที่มีขึ้น 2 วันที่สวิตเซอร์แลนด์ และร่วมลงนามในแถลงการณ์ที่ระบุว่า “บูรณภาพดินแดน” ของยูเครน ควรเป็นพื้นฐานของข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน และว่ารัฐบาลกรุงเคียฟควรเข้าส่ารเจรกับรัฐบาลมอสโกเพื่อยุติสงครามที่ดำเนินเข้าสู่ปีที่ 3 นี้
ตัวแทนราว 100 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาติตะวันตก เข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านสันติภาพยูเครน มุ่งเน้นเรื่องสงครามยูเครนในช่วงเวลาที่มีวิกฤตสงครามกาซ่า การเลือกตั้งในหลายประเทศทั่วโลก และความกังวลเรื่องการแข่งขันของมหาอำนาจต่าง ๆ ในช่วงนี้
ทั้งนี้ รัสเซียไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านสันติภาพยูเครน ในวันที่ 15-16 มิถุนายนที่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งทำให้ความหวังในการปูทางสู่สันติภาพรัสเซีย-ยูเครนนั้นริบหรี่ ขณะที่จีน พันธมิตรสำคัญของรัสเซีย ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ส่วนบราซิลเข้าร่วมประชุมในฐานะกลุ่มสังเกตการณ์
ด้านอินเดีย ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อยู่ในกลุ่มประเทศที่ไม่ได้ร่วมลงนามในเอกสารฉบับสุดท้ายที่ร่างประเด็นด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์ ความมั่นคงด้านทหาร และการแลกเปลี่ยนนักโทษที่แต่ละฝ่ายควบคุมตัวไว้ ซึ่งถือเป็น 3 หัวข้อสำคัญในร่างเอกสารกรอบการประชุมสุดยอดครั้งนี้
นายกรัฐมนตรีจิออร์เจีย เมโลนี แห่งอิตาลี เรียก 3 ประเด็นดังกล่าวว่าเป็น “เงื่อนไขอย่างน้อยที่สุด” สำหรับการเจรจากับรัสเซีย ซึ่งสะท้อนว่ายังมีความไม่ลงรอยกันอีกหลากหลายประเด็นระหว่างรัฐบาลกรุงเคียฟและรัฐบาลมอสโกที่ยากจะประสาน
นอกเหนือจาก 3 ประเด็นดังกล่าวแล้ว ในกรอบปฏิญญาในการประชุมสุดยอดด้านสันติภาพยูเครนนี้ ยังเรียกร้องให้มีการนำตัวเด็กชาวยูเครนกลับสู่อ้อมอกของครอบครัวอีกด้วย
นายกรัฐมนตรีกาตาร์ ชีค โมฮัมเหม็ด บิน อัลดุลราห์มาน อัล ทานี กล่าวในการประชุมสุดยอดนี้ว่ากาตาร์ได้เป็นเจ้าภาพการหารือระหว่างตัวแทนยูเครนและรัสเซีย ในประเด็นการส่งตัวเด็กชาวยูเครนกลับคืนสู่ครอบครัวของพวกเขา ซึ่งยังผลให้มีเด็กชาวยูเครน 34 คนได้กลับสู่อ้อมอกของครอบครัว แต่ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำต่อไป
ด้านที่ปรึกษาความมั่นคงประจำทำเนียบขาว เจค ซัลลิแวน กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันเสาร์ว่า จะต้องมีการทำงานร่วมกันอีกมากและหลายประเทศต้องลงมือทำตามแบบอย่างที่กาตาร์ได้เริ่มต้นไว้
ทั้งนี้ รัฐบาลยูเครน เชื่อว่ามีเด็กราว 19,546 คนถูกส่งตัวหรือบังคับให้ต้องพลัดถิ่น ขณะที่คณะกรรมาธิการด้านสิทธิเด็กของรัสเซีย มาเรีย ลโววา-เบโลวา ได้ยืนยันก่อนหน้านี้ว่ามีเด็กยูเครนอย่างน้อย 2,000 คนที่ถูกจับตัวออกไปจากสถานเด็กกำพร้าในยูเครน
ส่วนเรื่องประเด็นความมั่นคงทางอาหาร การหารือในเวทีประชุมสุดยอดที่สวิตเซอร์แลนด์นั้น มุ่งเน้นเรื่องความเสียหายของยูเครนต่อดินแดนและความเสี่ยงเรื่องทุ่นระเบิดที่ดำเนินอยู่ในยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลผลิตการเกษตรและการส่งออก และนำไปสู่วิกฤตด้านอาหารทั่วโลก ในฐานะที่ยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของตะกร้าขนมปังโลกก่อนสงครามปะทุขึ้น นอกจากนี้ การโจมตีเรือในทะเลดำยังทำให้ต้นทุนการส่งออกทางทะเลสูงขึ้นอีกด้วย
สำหรับประเด็นด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์ เวทีประชุมสันติภาพยูเครนได้จับตาสถานการณ์ความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครน โดยเฉพาะซาปอริซห์เซีย ที่เตาปฏิกรณ์ต้องปิดตัวลงเมื่อกลางเดือนเมษายนเนื่องจากเหตุโจมตี
เออร์ชูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานสภายุโรป ได้ออกโรงเตือนเมื่อวันอาทิตย์ว่า แม้ว่าการประชุมสุดยอดด้านสันติภาพครั้งนี้ถือว่าทำให้ยูเครนได้เข้าใกล้เส้นทางสู่สันติภาพก็ตาม แต่สันติภาพที่แท้จริงนั้นไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยก้าวเดียว และหนทางนี้จำเป็นต้องอาศัยความอดทนและความมุ่งมั่น
ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ วิโอลา อัมเฮิร์ด ในฐานะเจ้าภาพการประชุมสุดยอดด้านสันติภาพยูเครน กล่าวในการแถลงข่าวว่า ผู้เข้าร่วม “ส่วนใหญ่” เห็นชอบต่อกรอบปฏิญญาในการประชุมสุดยอดด้านสันติภาพยูเครน ที่เรียกร้องให้มีความเคารพบูรณภาพดินแดนยูเครน ซึ่งเธอกล่าวว่า “เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าแนวทางการทูตนั้นสามารถบรรลุผลได้” และว่า “ทางออกด้านสันติภาพที่ยั่งยืนต้องอาศัยความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย” และรับรู้ว่า “หนทางข้างหน้านั้นยาวไกลและท้าทายยิ่ง”
ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ยกย่องการประชุมสุดยอดนี้ว่า “เป็นก้าวแรกสู่สันติภาพ” และการประชุมครั้งนี้ได้ปูทางสู่การประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 เพื่อเป้าหมายของสันติภาพที่เป็นธรรม
อย่างไรก็ตาม ผู้นำยูเครนไม่ได้กล่าวว่าเขาเตรียมการที่จะพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน โดยตรงในการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งหรือไม่ โดยที่ผ่านมาเขาเคยปฏิเสธการหารือโดยตรงกับผู้นำรัสเซีย
ปธน.เซเลนสกีกล่าวในการแถลงข่าวในช่วงสิ้นสุดการประชุมสุดยอดที่สวิตเซอร์แลนด์ด้วยว่า “รัสเซียสามารถเริ่มต้นการเจรจากับเราได้ในวันพรุ่งนี้เลย โดยไม่ต้องรีรออะไร หากพวกเขาถอนทหารออกจากดินแดนของเรา” และว่า “รัสเซียไม่ได้ต้องการสันติภาพ นั่นคือความจริงข้อหนึ่ง ... รัสเซียและบรรดาผู้นำของพวกเขาไม่พร้อมสำหรับสันติภาพอันเป็นธรรม นั่นคือความเป็นจริง”
ด้านรัฐบาลมอสโกระบุในวันอาทิตย์ว่า ยูเครนควรทำตามข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีปูติน ที่ให้ยูเครนถอนตัวจากการสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การนาโต้ และยกเขตปกครอง 4 แห่งที่รัสเซียเข้าครอบครองในขณะนี้ ได้แก่ ดอแนตสก์ ลูฮันสก์ ซาปอริซห์เซีย และเคอร์ซอน
ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลทำเนียบเครมลินกล่าวว่า “พลวัติปัจจุบันของสถานการณ์ในแนวหน้าแสดงให้เราเห็นชัดเจนว่ามันเป็นสิ่งที่เลวร้ายลงสำหรับยูเครน”
สำหรับสถานการณ์ในวันอาทิตย์ รัสเซียอ้างว่าทหารของตนเข้ายึดหมู่บ้านซากริน ทางตอนใต้ยูเครน และรุกคืบบริเวณแนวหน้าในหลายพื้นที่
- มีเนื้อหาบางส่วนจากรอยเตอร์ เอเอฟพี และเอพี
กระดานความเห็น