ทางการในหลายเมืองของจีน ซึ่งรวมถึงนครเซี่ยงไฮ้ ประกาศบังคับตรวจหาการติดเชื้อโควิด-19 รอบใหม่ หรือ ยืดระยะเวลามาตรการล็อกดาวน์ออกไป เพื่อหวังต้านการระบาดของโคโรนาไวรัสให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่ ชาวจีนจำนวนหนึ่งออกมาแสดงความไม่พอใจต่อการดำเนินการของภาครัฐอีกครั้ง
จีนรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มวันละราว 390 รายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในสัปดาห์ก่อนที่ 340 คนพอสมควร ตามข้อมูลที่รอยเตอร์รวบรวมมาจากทางการจีนจนถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา
แม้ว่าสถิติการติดเชื้อในจีนจะดูเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสถานการณ์ในพื้นที่อื่น ๆ ของเอเชีย จีนยังแสดงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานตามนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” เพื่อกำจัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนที่จะเกิดขึ้นให้ได้
อย่างไรก็ตาม การกลับมาปรากฎขึ้นของการระบาดอย่างต่อเนื่องและคำสั่งปิดเมืองเป็นช่วง ๆ ของจีนกลายมาเป็นแรงกดดันต่อประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกนี้ที่เพิ่งรายงานการชะลอลงของจีดีพีอย่างหนักในไตรมาสสองของปี ด้วยอัตราการขยายตัวเพียง 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศที่ส่งผลให้ภาคการผลิตอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายผู้บริโภคสะดุดหนัก
ทั้งนี้ นครเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ของจีนก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวดีจากผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์เป็นระยะเวลา 2 เดือนในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา และในเวลานี้ ยังมีการรายงานกรณีผู้ติดเชื้อประปรายอยู่ทุกวัน ขณะที่ ทางการประกาศแผนทำการตรวจหาการติดเชื้อเป็นวงกว้างเกือบทั่วทั้งเมืองอีกครั้ง โดยให้เหตุผลในแถลงการณ์ว่า “ยังคงมีความเสี่ยงของภาวะระบาดในระดับชุมชนอยู่”
ข้อมูลจากทางการท้องถิ่นในวันจันทร์ระบุว่า มีการพบผู้ติดเชื้อใหม่นับสิบราย แต่ทั้งหมดนั้นอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการบังคับใช้มาตรการกักตัวเฝ้าระวังอาการอยู่
ชาวเมืองเซี่ยงไฮ้รายหนึ่งที่ใช้แซ่ ‘หวัง’ และถูกบังคับให้ต้องตรวจหาการติดเชื้อภายในบ้านของเธอทุกสัปดาห์อยู่แล้ว บอกว่า ตน “พูดไม่ออก” และว่า “ดูเหมือนว่า นี่จะเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลื้อง ที่ไม่ได้มาช่วยแก้ปัญหาที่แท้จริงใด ๆ เลย”
ขณะเดียวกัน ที่เมืองเทียนจิน ทางภาคเหนือของจีน ที่เพิ่งมีการดำเนินมาตรการตรวจหาเชื้อเป็นวงกว้างเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้า ประกาศในวันจันทรว์ว่า จะทำการตรวจหาเชื้อให้กับประชากรกว่า 12 ล้านคนในเมืองอีกครั้ง หลังพบผู้ติดเชื้อใหม่ 2 ราย
ส่วนที่เมืองหลานโจว ที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทางการเพิ่งสั่งยืดระยะเวลาดำเนินมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่ 4 เขต ที่มีประชากรรวมกันราว 3 ล้านคนไปจนถึงวันที่ 24 กรกฎาคม ขณะที่ เมืองจูม่าเตี้ยน ในภาคกลางของประเทศ ก็ประกาศยืดระยะเวลาล็อกดาวน์พื้นที่หลายเขตที่มีประชากรรวมกันหลายล้านคนไปจนถึงต้นสัปดาห์หน้าเช่นกัน
และที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่มา 1 สัปดาห์ เพิ่งรายงานกรณีการติดเชื้อใหม่ 2 รายในวันจันทร์ ซึ่งเป็นพนักงานต้อนรับบนสายการบินระหว่างประเทศและเพื่อนร่วมห้อง โดยทางการได้สั่งปิดอาคารที่ทั้งสองพักอาศัยอยู่ทันที
นอกจากนั้น ที่เมืองเป๋ย์ไห่ ที่ประชากรอยู่ 1.9 ล้านคน มีการรายงานการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 500 คนแล้ว ซึ่งทำให้ทางการต้องดำเนินการตรวจหาเชื้อเป็นวงกว้างหลายรอบ และสั่งล็อกดาวน์บางพื้นที่ในเมือง ขณะที่ มีนักท่องเที่ยวที่ติดค้างอยู่ในเมืองนี้และไม่สามารถเดินทางออกมาได้กว่า 2,000 คนเพราะมาตรการดังกล่าว
และที่เมืองกว่างโจว เจ้าหน้าที่ควบคุมการระบาดโควิด-19 ทำการเปิดล็อกอพาร์ตเมนต์ของประชาชนหลายแห่งโดยไม่ได้รับความยินยอม จนทำให้มีผู้ออกมาแสดงความไม่พอใจผ่านสื่อสังคมออนไลน์ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนทำให้ประเด็นนี้กลายมาเป็นหัวข้อร้อนแรงอันดับต้น ๆ บนแพลตฟอร์ม ‘เว่ยโป๋’ ไปแล้ว โดยผู้ใช้งานบางคนระบุว่า “นี่มั่นน่ากลัว และน่าขันเกินไปแล้ว” และ “ไม่มีมนุษยธรรม ไม่มีขื่อแปเลย”
- ที่มา: รอยเตอร์
