ทีมนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่ามหาพายุสุริยะหรือ superflares ที่สังเกตุเห็นจากดาวฤกษ์ไกลโพ้นดวงนี้ มีความรุนแรงหลายพันเท่าตัวเมื่อเทียบกับพายุสุริยะที่เกิดขึ้นทั่วไป
พายุสุริยะเป็นอุบัติการณ์ที่ดาวฤกษ์ปล่อยพลังงานปริมาณมหาศาลออกมาเป็นระลอก
พายุสุริยะมีความแรงสามารถเดินทางออกไปไกลหลายล้านกิโลเมตรจากผิวหน้าของดวงอาทิตย์ มีผลกระทบต่อการทำงานของอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์และอุปกรณ์การสื่อสารบนโลกมนุษย์และเกิดขึ้นมาหลายครั้งเเล้ว
ทีมนักวิจัยชี้ว่าพายุสุริยะโดยทั่วไปอาจปล่อยพลังงานออกมาเทียบเท่ากับความแรงของระเบิดขนาด 100 ล้านเมกกะตัน แต่มหาพายุสุริยะหรือ superflares จากดาวฤกษ์ที่อยู่ไกลโพ้นในระบบกาแลคซี่ทางช้างเผือกที่ทีมงานสังเกตุพบดวงนี้ อาจจะสามารถปลดปล่อยพลังงานสุริยะปริมาณมหาศาลเทียบได้กับระเบิดที่มีความแรงหนึ่งพันล้านเมกกะตันทีเดียว
คุณ Chloe Pugh ผู้เชี่ยวชาญแห่ง Center for Fusion, Space and Astrophysics ที่มหาวิทยาลัย Warwick ชี้ว่า หากเกิดมหาพายุสุริยะขึ้นในระบบสุริยจักรวาลที่โลกเราเป็นส่วนหนึ่ง ผลกระทบต่อโลกมนุษย์จะรุนแรงมากหรืออาจจะเลวร้ายกว่านั้น
คุณ Pugh หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่าโชคดีที่อุบัติการณ์ทำนองนี้มีความเป็นไปได้น้อยมากเมื่อดูจากผลการสังเกตุการณ์เท่าที่ผ่านมาถึงการเกิดพายุสุริยะบนดวงอาทิตย์ที่โลกเราโคจรรอบๆ
ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษคนนี้กล่าวว่า จากการสังเกตุกิจกรรมของดาวฤกษ์หลายดวงที่อยู่ไกลโพ้นที่มีลักษณะเหมือนกับดวงอาทิตย์ พบว่าดาวฤกษ์เหล่านี้ได้ปลดปล่อยพายุสุริยะที่มีความแรงมหาศาลออกมาเรียกว่า superflares และเพื่อหาทางศึกษาความเป็นไปได้ว่าดวงอาทิตย์ที่โลกเราโคจรอยู่รอบๆ นี้จะสามารถปลดปล่อยมหาสุริยะออกมาได้หรือไม่ ทีมงานจำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจเสียก่อนว่า สาเหตุของการเกิดพายุสุริยะจากดาวฤกษ์ที่อยู่ไกลโพ้นกับพายุสุริยะบนดวงอาทิตย์เป็นกระบวนการทางกายภาพเดียวกันหรือไม่
ทีมงานวิจัยในอังกฤษทีมนี้ได้ใช้ข้อมูลที่เก็บบันทึกได้จากดาวเทียมสำรวจอวกาศ Kepler ขององค์การสำรวจอวกาศสหรัฐฯ หรือนาซ่า และจากข้อมูลนี้ ทีมงานสามารถระบุได้ว่าดาวฤกษ์ดวงหนึ่งที่อยู่ไกลโพ้นในกาเเลคซี่ทางช้างเผือก ได้ปลดปล่อยมหาพายุสุริยะออกมาโดยเป็นดาวฤกษ์ในระบบดาวฤกษ์คู่ที่เรียกว่า KIC9655129
และ solarfares ที่มันปล่อยออกมามีลักษณะเหมือนกันกับพายุสุริยะที่ปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ของโลกเรา
คุณ Anne-Marie Broomhall ผู้ร่วมร่างรายงานผลการศึกษานี้กล่าวว่า อุบัติการณ์ทั้งสองอย่างมีกระบวนการทางกายภาพแบบเดียวกัน ซึ่งข้อมูลที่การวิจัยนี้ค้นพบช่วยสนับสนุนทฤษฎีที่ว่า มีความเป็นไปได้ที่ว่าดวงอาทิตย์ที่โลกเราโคจรรอบๆ นี้มีศักยภาพในการปลดปล่อยมหาพายุสุริยะได้เช่นกัน
คุณ Broomhall กล่าวว่า หากดวงอาทิตย์ของเราปลดปล่อยมหาพายุสุริยะออกมา จะเป็นมหันตภัยร้ายแรงต่อชีวิตบนโลกมนุษย์ ระบบการสื่อสารด้วยระบบจีพีเอสและคลื่นวิทยุจะถูกรบกวนรุนแรง และอาจจะทำให้ระบบจัดส่งกระแสไฟฟ้าล้มเหลวในระดับกว้างมาก
แต่ผู้เชี่ยวชาญคนนี้กล่าวว่าโชคดีที่เหตุการณ์มหาพายุสุริยะบนดวงอาทิตย์ที่โลกเราโคจรรอบๆ นี้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก โดยสรุปได้จากข้อมูลของการสังเกตุการณ์เท่าที่ผ่านมาถึงการแผ่พายุสุริยะจากดวงอาทิตย์ของโลกเรานี้
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)