ระหว่างที่ทั่วโลกเฉลิมฉลองวันแห่งความรักกันในวันพุธ พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในโครเอเชีย เลือกจัดแสดงของสะสมที่สะท้อนถึงความรักที่จบสิ้นลงในหลากหลายรูปแบบ ตามรายงานของรอยเตอร์
ณ 'พิพิธภัณฑ์ความสัมพันธ์ที่แตกหัก' หรือ Museum of Broken Relationships จัดแสดงสิ่งของต่าง ๆ ที่ได้รับการบริจาคมาจากทั่วทุกมุมโลก ของบางชิ้นเป็นสาเหตุที่ทำให้คู่รักกลายเป็นคู่ร้าง ในขณะที่สิ่งของบางอย่างในพิพิธภัณฑ์ก็ถือเป็นของที่ระลึกของความสัมพันธ์ที่หวานชื่นด้วยเช่นกัน
ดราเซน กรูบิสิค ผู้ร่วมก่อตั้งพิพิธภัณฑ์นี้มาตั้งแต่ปี 2006 บอกเมื่อวันอังคารว่า มีของสะสมในพิพิธภัณฑ์นี้มากถึง 4,600 ชิ้น แต่นำมาจัดแสดงประมาณ 100 ชิ้นเท่านั้น และว่า “มันไม่ใช่แค่สิ่งของ แต่มันคือเรื่องราวที่น่าสนใจ สร้างแรงบันดาลใจ และบางครั้งก็สะเทือนใจ”
ตัวอย่างของที่นำมาจัดแสดงมีทั้งสุขเศร้าเหงาและแปลกประหลาด ทั้งชุดแต่งงานที่ผู้หญิงจากตุรกี ที่ไม่มีโอกาสได้สวมใส่ เพราะคู่หมั้นของเธอเสียชีวิตก่อนจะได้เข้าประตูวิวาห์
อดีตทหารผ่านศึกโครเอเชีย มอบขาเทียมให้กับพิพิธภัณฑ์ เพื่อเป็นของที่บันทึกความทรงจำเกี่ยวกับสัมพันธ์ลับกับเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมที่เขาพบเข้าระหว่างที่รักษาตัว ซึ่งแน่นอนว่าขาเทียมนั้นอยู่ยงคงกระพันกว่าความสัมพันธ์ดังกล่าว
ชายคนหนึ่งมอบขวานที่เคยใช้ทำลายเฟอร์นิเจอร์ของแฟนเก่า และหญิงรายหนึ่งบริจาคหนังสือลดน้ำหนัก I Can Make you Thin ของผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิตชาวอังกฤษ พอล แมคเคนนา ที่เธอได้รับเป็นของขวัญจากอดีตคนรัก ซึ่งสุดท้ายแล้วเขาทิ้งเธอไปหลังจากมอบหนังสือเล่มนี้ให้
ส่วนอีกคนหนึ่งบริจาคสะเก็ดแผลของคนรักที่ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ซึ่งผู้ที่มอบให้เป็นนักชีววิทยาที่หวังว่าวันหนึ่งเขาจะใช้มันโคลนร่างคนรักขึ้นมาอีกครั้งได้
เจมมี นักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ บอกว่าผู้เข้าชมนิทรรศการบางส่วนรู้สึกอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อย แต่สำหรับเธอมองว่าเป็นสิ่งที่ดี เมื่อได้เห็นหุ่นก็อตซิลล่าพลาสติกที่ชายคนหนึ่งขอคืนจากแฟนเก่าและเอามาเก็บไว้เป็นของที่ระลึกหลังเลิกรา
กรูบิสิค บอกว่า แม้ว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่จบสิ้นลง แต่เขาและผู้ร่วมก่อตั้งอีกราย โอลินก้า วิสติก้า มองว่าพิพิธภัณฑ์นี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักล้วน ๆ “เราอาจจะมีมุมมองที่แตกต่างเกี่ยวกับความรักที่มันจบลง แต่หากเรามองโลกตามความเป็นจริงแล้ว ทุกเส้นทางของความรักมักจะมีจุดสิ้นสุดไม่วันใดก็วันหนึ่ง”
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น