มีผู้เสียชีวิตมากถึง 50 คน ซึ่งรวมถึงเด็ก 5 คน และมีผู้บาดเจ็บอีก 87 คนจากเหตุโจมตีโดยจรวดถล่มสถานีรถไฟที่เต็มไปด้วยประชาชนที่พยายามอพยพหลบหนี ทางตะวันออกของยูเครน ตามรายงานของรอยเตอร์
ทางการท้องถิ่นของยูเครนเร่งอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยง ในขณะที่ผู้นำสหภาพยุโรปจำนวนหนึ่ง ที่อยู่ระหว่างการเยือนกรุงเคียฟ ได้แสดงการสนับสนุนประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี และให้ความมั่นใจว่าจะมีหนทางในการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปให้กับยูเครน
ประธานาธิบดีเซเลนสกี ได้กล่าวว่าการโจมตีที่สถานีรถไฟในเมืองครามาทอร์สก ในเขตปกครองตนเองดอแนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครน เป็นการมุ่งโจมตีประชาชนผู้บริสุทธิ์
พาฟโล คีรีเลนโก ผู้ว่าการท้องถิ่นของดอแนตสก์ ระบุว่า ผู้เสียชีวิตจากเหตุขีปนาวุธโจมตีเพิ่มขึ้นเป็น 50 ราย จากเดิมที่ระบุไว้ว่า 39 ราย และว่ากองทัพรัสเซียใช้ขีปนาวุธพิสัยใกล้ Tochka U ที่มีระเบิดพวงจำนวนมาก ซึ่งระเบิดขึ้นกลางอากาศ และปล่อยระเบิดร้ายแรงไปในวงกว้าง เพื่อสร้างความหวาดกลัวและตื่นตระหนกให้กับประชาชน และมุ่งหมายเอาชีวิตผู้บริสุทธิ์ให้ได้มากที่สุด
ด้านนายกเทศมนตรีเมืองครามาทอร์สก โอเล็กซานเดอร์ ฮอนชาเรนโก ประเมินว่า มีประชาชนอยู่ที่สถานีรถไฟราว 4,000 คน ในช่วงเวลาเกิดเหตุ บางคนต้องสูญเสียแขนขาจากเหตุโจมตี ซึ่งพวกเขาได้รับความช่วยเหลือด้านการแพทย์แล้ว
แต่ในช่วงเวลาที่รายงานข่าว ทางสำนักข่าวรอยเตอร์ ยังไม่สามารถยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองครามาทอร์สกได้
สื่อ RIA ของทางการรัสเซีย อ้างรายงานจากกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ที่ระบุว่า รายงานที่อ้างว่ารัสเซียต้องรับผิดชอบกับเหตุโจมตีสถานีรถไฟเมืองครามาทอร์สกนั้นเป็นเพียง "การยั่วยุ" ส่วนขีปนาวุธที่โจมตีสถานีรถไฟในเมืองครามาทอร์สกเป็นของกองทัพยูเครน และกองทัพรัสเซียไม่มีเป้าหมายโจมตีเมืองครามาทอร์สกในวันศุกร์แต่อย่างใด
แต่ทางปธน.ยูเครน ยืนยันในวิดีโอที่เผยแพร่ในการประชุมสภาของฟินแลนด์ ยืนยันว่า ไม่มีกองทัพยูเครนอยู่ในพื้นที่สถานีรถไฟที่เกิดเหตุ และกองทัพรัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีสถานีรถไฟฟ้าและคนทั่วไป โดยที่ไม่มีทหารประจำการอยู่บริเวณนั้น
นานาชาติประณามเหตุโจมตีสถานีรถไฟยูเครน
ทำเนียบขาว ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีสถานีรถไฟในเมืองครามาทอร์สก และประธานคณะกรรมการสหภาพยุโรป เออร์ซูลา วอน เดอ เลเยน ออกประณามการโจมตีครั้งล่าสุดในยูเครนนี้ว่า เป็นความพยายามในการปิดกั้นเส้นทางของผู้คนที่ต้องการหลบหนีจากสงครามที่ไร้ซึ่งเหตุผลนี้ พร้อมกับออกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจรอบใหม่กับรัสเซีย รวมถึงการห้ามนำเข้าถ่านหิน ผลิตภัณฑ์ไม้ และเคมีภัณฑ์ รวมทั้งปิดกั้นการธุรกรรมการเงินทั้งหมดของธนาคารรัสเซียสี่แห่ง
กระทรวงกลาโหมอังกฤษ ระบุในวันศุกร์ว่า กองทัพรัสเซียถอนทหารจากทางตอนเหนือของยูเครนไปหมดแล้ว และมุ่งหน้าไปยังเบลารุสและรัสเซีย ด้านหน่วยข่าวกรองได้เพิ่มเติมว่าทหารบางส่วนอาจเคลื่อนพลไปยังแคว้นดอนบาสของยูเครน
ทางการยูเครน ระบุว่า กองทัพรัสเซียอยู่ระหว่างการสับเปลี่ยนกำลังพล หลังจากถอนทหารออกจากชานกรุงเคียฟเมืองหลวงยูเครน เพื่อความพยายามบุกโจมตีครั้งใหม่ ในการเข้ายึดครองเขตปกครองตนเองดอแนตสก์และลูฮันสก์ ทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในการครอบครองของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซีย ตั้งแต่ปี 2014
ขณะที่รัฐบาลเครมลิน ระบุในวันศุกร์ว่า ปฏิบัติการพิเศษทางการทหารของรัสเซีย “อาจสิ้นสุดในอนาคตอันใกล้” ด้วยเป้าหมายในการบรรลุภารกิจของกองทัพและฝ่ายเจรจาสันติภาพของรัสเซีย
แต่การบุกยูเครนของรัสเซีย เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ชาวยูเครน 25% ของประเทศต้องพลัดถิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก และเมืองต่างๆ ในยูเครนกลายเป็นซากปรักหักพัง ในขณะที่นานาชาติต่างระดมมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจและมาตรการโดดเดี่ยวทางการทูตกับรัสเซียอย่างต่อเนื่อง
- ที่มา: รอยเตอร์