องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization – WMO) เตือนว่าจะเกิดสภาพอากาศร้อนจัดเป็นประวัติการณ์ในปีหน้า ซึ่งหากไม่หยุดยั้งกิจกรรมของมนุษย์ที่เป็นสาเหตุของภัยพิบัติ ก็อาจนำไปสู่ผลพวงที่เดินหน้าไปสู่หายนะจากวิกฤตการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ
ข้อมูลจากหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติระบุว่า ปี 2024 ถูกจารึกว่าเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ “เหนือทศวรรษที่ร้อนรุมเร้าอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อันเป็นฝีมือจากกิจกรรมของมนุษย์เรา”
WMO ยังกล่าวด้วยว่า ระดับของก๊าซเรือนกระจกที่กักเก็บความร้อนในชั้นบรรยากาศยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้
เซเลสเต ซาอูโล เลขาธิการ WMO ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา กล่าวว่า ในช่วงปีแรกของการรับหน้าที่ที่องค์การนี้ เธอส่ง "สัญญาณเตือนภัยสีแดง (Red Alerts)" ออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเตือนโลกให้ตระหนักรู้ถึงสถานภาพของภูมิอากาศ
เธอเตือนด้วยว่าอุณหภูมิที่ปรับขึ้นแต่ละองศานั้น แม้เพียงน้อยนิด แต่ล้วนมีความหมาย "ทั้งยังนำมาซึ่งภาวะสุดโต่ง ผลกระทบและความเสี่ยงด้านภูมิอากาศด้วย"
รายงาน State of the Climate 2024 ของ WMO พบว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกระหว่างเดือนมกราคมและเดือนกันยายนสูงกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม 1.54 องศาเซลเซียส และสูงกว่าตัวเลขที่ระบุในข้อตกลงปารีสปี 2016 ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ส่วนรายงาน Emission Gap ของโครงการ U.N. Environment Program ก็ออกมาเตือนว่า อุณหภูมิโลกน่าจะปรับขึ้นถึง 3.1 องศาเซลเซียสภายในสิ้นศตวรรษนี้ ถ้าไม่เดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ
นอกจากนั้น ข้อมูลจากรายงานชิ้นใหม่ของ World Weather Attribution and Climate Central ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกมีผลไปเสริมสร้างความรุนแรงในภัยพิบัติทางธรรมชาติถึง 26 กรณี จากทั้งหมด 29 กรณีที่เก็บตัวอย่างเพื่อทำการศึกษา ซึ่งภัยพิบัติทางธรรมชาติทั้งหมดที่ว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3,700 คนและมีผู้พลัดถิ่นหลายล้านคน
รายงานระบุว่า “การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้มีวันที่มีความร้อนอยู่ในระดับอันตรายเพิ่มขึ้นถึง 41 วันในปี 2024 ซึ่งส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพมนุษย์และระบบนิเวศด้วย”
- ที่มา: วีโอเอ
กระดานความเห็น