ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวในวันพุธว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จะเดินทางเยือนรัสเซีย พร้อมระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาตินั้นก้าวเข้าสู่ “เขตแดนใหม่” ท่ามกลางความกังวลของสหรัฐฯ ว่ารัฐบาลปักกิ่งอาจจัดหาความช่วยเหลือให้แก่รัสเซียในการรุกรานยูเครน ที่การสู้รบจะดำเนินมาถึงวาระ 1 ปีในวันศุกร์นี้แล้ว ตามรายงานของรอยเตอร์
ผู้นำรัสเซียให้การต้อนรับ หวัง อี้ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสูดด้านการต่างประเทศของจีน ที่ทำเนียบเครมลิน และกล่าวถึงประเด็นการค้าระหว่างรัสเซียและจีนมีทิศทางดีขึ้นกว่าที่คาดไว้ และมูลค่าการค้าระหว่างกันจะแตะระดับ 200,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี เพิ่มขึ้นจากระดับ 185,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 ที่ผ่านมา
ปธน.ปูติน กล่าวกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงสูดด้านการต่างประเทศของจีนว่า “เราเฝ้ารอการมาเยือนรัสเซียของประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เราได้ตกลงกันในเรื่องนี้แล้ว” และว่า “ทุกอย่างมีความก้าวหน้า เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เรากำลังก้าวเข้าสู่เขตแดนใหม่”
ด้านหวัง อี้ กล่าวกับปธน.ปูตินว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศทานทนต่อแรงกดดันจากสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ผันผวนและวิกฤตต่าง ๆ ได้หยิบยื่นโอกาสบางอย่างให้ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซีย หวัง กล่าวผ่านล่ามโดยไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ประเทศใด แต่จะ “ไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดันจากประเทศที่เข้ามาแทรกแซง” ซึ่งถือเป็นการกล่าวถึงสหรัฐฯ อย่างชัดเจน และว่า “เรา(จีนและรัสเซีย)ร่วมกันสนับสนุนระบบการเมืองหลายขั้วอำนาจและความเป็นประชาธิปไตยในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” และบอกด้วยว่า “สิ่งนี้เป็นไปตามช่วงเวลาและประวัติศาสตร์ และยังสอดรับกับผลประโยชน์ของประเทศส่วนใหญ่”
ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังได้พบกับเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย โดยกล่าวว่าตนจะดำเนินการเพื่อ เสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกและปักกิ่งให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และกล่าวว่า เขาตั้งตารอข้อตกลงใหม่ที่จะเกิดขึ้นระหว่างการเยือนมอสโกครั้งนี้ แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดเพิ่มเติม
ก่อนหน้านี้ การพบกันแบบตัวต่อตัวของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เกิดขึ้นไม่นานก่อนรัสเซียจะส่งทหารรุกรานยูเครน และทั้งสองชาติได้ประกาศย้ำความเป็นหุ้นส่วน “แบบไร้ขีดจำกัด” ไม่นานก่อนสงครามครั้งนี้จะเปิดฉากขึ้น นอกจากนี้ จีนเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย เป็นหนึ่งในแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาลมอสโก ขณะที่ การสนับสนุนอาวุธให้กับรัสเซียของจีน อาจยกระดับสงครามยูเครนให้เข้าสู่การเผชิญหน้าระหว่างฝั่งรัสเซียและจีนกับยูเครนและชาติพันธมิตรนาโต้ ที่มีสหรัฐฯ เป็นแกนนำได้
สี ปูติน และโลก
เมื่อวันเสาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน ได้กล่าวกับ หวัง อี้ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถึงผลร้ายแรงที่จะตามมาหากจีนส่งการสนับสนุนให้รัสเซียในสงครามยูเครน
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยังแสดงความกังวลว่ารัฐบาลปักกิ่งกำลังพิจารณาส่งอาวุธให้มอสโก โดยไม่มีหลักฐานใด ๆ แต่จีนปฏิเสธประเด็นการสนับสนุนด้านการทหารแก่รัสเซีย และว่า สหรัฐฯ ไม่ได้อยู่ในบทบาทที่จะออกคำสั่งใด ๆ ได้ และทางโฆษกรัฐบาลทำเนียบเครมลิน ดมิทรี เพสคอฟ ได้ย้ำยืนยันท่าทีของจีนเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามประเด็นนี้
สำหรับปธน.ปูตินแล้ว แรงสนับสนุนจากจีนที่เป็นมหาอำนาจ ท่ามความการเผชิญหน้าครั้งใหญ่กับตะวันตกนับตั้งแต่สงครามเย็น เปิดทางให้เขาเหวี่ยงผลกระทบจากการถูกโดดเดี่ยวจากชาติตะวันตกด้วยการหันไปพึ่งพาเอเชีย โดยการค้าระหว่างจีนและรัสเซียเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครน และรัสเซียเพิ่มการส่งออกน้ำมันให้ประเทศในเอเชีย รวมทั้งจีนด้วย
สำหรับปธน.สีแล้ว รัสเซียพึ่งพาจีนมากกว่าแต่ก่อน เพราะรัสเซียที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำคอมมิวนิสต์โลก แต่หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1991 รัสเซียกลายมาเป็นหุ้นส่วนรองกับจีนที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแห่งศตวรรษที่ 21 ไปแล้ว
- ที่มา: รอยเตอร์