ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศในวันจันทร์ว่า ตนตัดสินใจยอมรับสถานะของภูมิภาคดอแนตสก์ และลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของยูเครนและประชาชนใช้ภาษารัสเซียในการสื่อสาร ว่าเป็นรัฐอิสระ พร้อมสั่งการให้กองทัพรัสเซียเริ่มปฏิบัติการ "รักษาสันติภาพ" ในแคว้นดังกล่าว ตามรายงานของรอยเตอร์
คำประกาศล่าสุดของผู้นำรัสเซียยิ่งทำให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ชาติตะวันตกมากขึ้นว่า กองทัพรัสเซียอาจจะบุกยูเครนในเร็วๆ นี้
ปธน.ปูติน กล่าวต่อกระทรวงกลาโหมรัสเซียในวันจันทร์ว่า ให้ส่งกำลังทหารเข้าไปในแคว้นดอแนตสก์และลูฮันสก์ เพื่อรักษาสันติภาพในแคว้นที่รัสเซียเพิ่งให้การรับรองสถานะนี้ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ และชาติตะวันตกต่างออกมาประณามการตัดสินใจของผู้นำรัสเซียครั้งนี้และยืนยันว่าจะใช้มาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อรัสเซีย
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่ารัสเซียจะส่งกำลังทหารเข้าไปในทั้งสองแคว้นนั้นจำนวนเท่าใด และจะเริ่มข้ามพรมแดนเมื่อไร รวมทั้งภารกิจ "รักษาสันติภาพ" ดังกล่าวคืออะไร
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปธน.ปูติน ได้ประกาศการตัดสินใจของตนผ่านทางโทรทัศน์ โดยกล่าวว่า ยูเครนนั้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์รัสเซีย และว่า ภูมิภาคตะวันออกของยูเครนคือ ผืนดินโบราณของรัสเซีย พร้อมแสดงความมั่นใจว่า ประชาชนชาวรัสเซียจะสนับสนุนการตัดสินใจของตน
ทั้งนี้ ทำเนียบเครมลินเปิดเผยว่า ปธน.ปูติน ได้แจ้งผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนีเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้ ซึ่งมีออกมาหลังได้ผู้นำรัสเซียได้รับคำร้องขอการประกาศอิสรภาพจากหัวหน้ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนในวันจันทร์ ก่อนจะร่วมหารือประเด็นดังกล่าวกับสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซียในเวลาต่อมา
ภูมิภาคดอแนตสก์ คือพื้นที่ที่กลายมาเป็นสมรภูมิระหว่างกองทัพกรุงเคียฟและกองกำลังแบ่งแยกดินแดนมาตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 2014 หรือหลังจากรัสเซียทำการผนวกคาบสมุทรไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตน โดยมีผู้เสียชีวิตไปแล้วราว 14,000 คน จากการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่าย
รายงานข่าวระบุว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนนั้นต้องการให้รัสเซียลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพและให้ความช่วยเหลือด้านการทหารเพื่อปกป้องพวกตนจากสิ่งที่ทางกลุ่มเรียกว่าเป็น การรุกรานทางทหารของยูเครนที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐสภารัสเซียร้องขอให้ปธน.ปูติน ประกาศอย่างเป็นทางการว่า รัสเซียยอมรับสถานภาพของภูมิภาคทั้งสองซึ่งประกาศอิสรภาพมาจากยูเครนตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 แต่ยังไม่มีประเทศใดยอมรับทั้งคู่ในฐานะรัฐที่มีอธิปไตยเป็นของตนเองจนถึงบัดนี้
รอยเตอร์ชี้ว่า การที่รัสเซียประกาศยอมรับภูมิภาคตะวันออกของยูเครนว่าเป็นรัฐอิสระในครั้งนี้ อาจทำให้ความพยายามที่จะจัดการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุกรานยูเครนที่เพิ่งมีการหยิบยกขึ้นมานั้นล้มเหลวก่อนที่จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ
โฆษกทำเนียบขาว เจน ซากิ แถลงในวันจันทร์ว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะใช้คำสั่งฝ่ายบริหาร (executive order) เพื่อห้ามชาวอเมริกันลงทุน ค้าขาย หรือทำธุรกรรมในแคว้นดอแนตสก์และลูฮันสก์ รวมทั้งให้อำนาจในการใช้มาตรการลงโทษต่อบุคคลหรือนิตบุคคลที่ฝ่าฝืนคำสั่งนี้ด้วย
โฆษกทำเนียบขาวกล่าวด้วยว่า มาตรการลงโทษชุดใหม่นี้จะแยกต่างหากจากมาตรการลงโทษที่จะนำมาใช้ในกรณีที่รัสเซียบุกรุกยูเครนด้วย
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน กล่าวว่า คำสั่งฝ่ายบริหารนี้ถูกใช้เพื่อป้องกันไม่ให้รัสเซียได้ประโยชน์จากการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะที่บรรดาผู้นำและรัฐมนตรีต่างประเทศของหลายชาติในยุโรปได้ออกมาประกาศว่าจะใช้มาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อรัสเซียสืบเนื่องจากการตัดสินใจรับรองแคว้นทั้งสองแห่งในภาคตะวันออกของยูเครนเช่นกัน
- ข้อมูลบางส่วนมาจากรอยเตอร์