สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ตกลงจะเดินทางเยือนจีนในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งถือเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของผู้นำรัสเซียหลังจากถูกศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศออกหมายจับ
รัฐบาลรัสเซียกำลังเตรียมการเยือนของประธานาธิบดีปูติน เพื่อร่วมประชุมหนึ่งแถบ-หนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Forum) ที่จีนในเดือนตุลาคม อ้างอิงจากแหล่งข่าวใกล้ชิดกับเรื่องนี้ซึ่งไม่ขอเปิดเผยตัวตนเพราะเป็นประเด็นที่อ่อนไหว
แหล่งข่าวยืนยันว่าปูตินได้ตอบรับคำเชิญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แล้ว แต่ทั้งโฆษกของรัฐบาลรัสเซียและกระทรวงการต่างประเทศจีนยังมิได้ตอบรับคำขอให้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้แต่อย่างใด
นับตั้งแต่ศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือ ICC (International Criminal Court) ที่กรุงเฮก ประกาศออกหมายจับผู้นำรัสเซียในเดือนมีนาคม ปธน.ปูติน ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศอีกเลย นอกจากเยือนพื้นที่ที่รัสเซียครอบครองอยู่ในยูเครนเท่านั้น
แหล่งข่าวเผยว่า ปูตินต้องการเดินทางไปยังประเทศที่สามารถรับประกันความปลอดภัยของตนได้เท่านั้น และจีนคือหนึ่งในประเทศดังกล่าว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ปูติน มิได้เดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดของกลุ่ม BRICS ที่แอฟริกาใต้ หลังจากที่รัฐบาลแอฟริกาใต้ยืนยันว่าจะทำการจับกุมผู้นำรัสเซียตามหมายจับของไอซีซี หากปูตินตัดสินใจเดินทางไปที่นั่น
นอกจากนี้ ปูตินยังกล่าวกับนายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ว่าตนจะไม่เข้าร่วมการประชุมกลุ่ม จี20 (Group of 20) ในเดือนหน้าด้วย แม้ว่าอินเดียจะไม่ได้ร่วมลงนามกับศาลไอซีซีก็ตาม
ทั้งนี้ ตั้งแต่รัสเซียเริ่มการรุกรานยูเครนเมื่อ 18 เดือนก่อน ปธน.ปูตินได้จำกัดการเดินทางไปต่างประเทศลง โดยมีเพียงการเยือนประเทศอดีตสมาชิกสหภาพโซเวียตบางประเทศ และอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้ส่งโดรนที่รัสเซียใช้ในปฏิบัติการทางทหารในยูเครน
ครั้งสุดท้ายที่ปูตินเยือนจีน คือเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ก่อนที่รัสเซียจะส่งกำลังทหารบุกยูเครนในอีกไม่ถึงสามสัปดาห์ต่อมา โดยในครั้งนั้น ผู้นำรัสเซียและผู้นำจีนได้ร่วมประกาศความเป็นพันธมิตร "แบบไร้ข้อจำกัด" ด้วย
เมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ ปธน.สี เดินทางเยือนกรุงมอสโกซึ่งเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกหลังรับตำแหน่งประธานาธิบดีจีนเป็นสมัยที่ 3 และกล่าวไว้ที่มอสโกว่า หวังว่าปธน.ปูติน จะเดินทางเยือนจีนก่อนสิ้นปีนี้
ที่ผ่านมา จีนคือหนึ่งในพันธมิตรสำคัญที่สุดของรัสเซียและได้สนับสนุนทางการทูตต่อปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครนมาตลอด แม้ว่าในช่วงหลัง ๆ จีนพยายามแสดงบทบาทผู้ไกล่เกลี่ยสงครามอย่างชัดเจน
และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ จีนได้เสนอแนวทาง 12 ขั้นเพื่อนำสันติภาพกลับคืนสู่ยูเครน แต่ก็ไม่ได้รับความสนับสนุนมากนักจากชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ
- ที่มา: บลูมเบิร์ก