ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กล่าวถ้อยแถลงจากทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ในช่วงค่ำวันพฤหัสบดีตามเวลาในสหรัฐฯ ระบุถึงจุดยืนและแนวทางของสหรัฐฯ ต่อสถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส และสถานการณ์ในยูเครน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปธน.ไบเดน ได้ประกาศปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อส่งความช่วยเหลือมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับอิสราเอลและยูเครน โดยระบุว่าการสนับสนุนจากสหรัฐฯ คือปัจจัยสำคัญสำหรับพันธมิตรในสงครามทั้งสองแห่ง
ไบเดนกล่าวว่า "ความเป็นผู้นำของอเมริกาคือสิ่งที่ยึดเหนี่ยวโลกเอาไว้ และพันธมิตรของอเมริกาคือสิ่งที่สร้างความปลอดภัยให้กับเรา"
ผู้นำสหรัฐฯ พยายามเปรียบเทียบกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซ่าที่เริ่มโจมตีอิสราเอลเมื่อต้นเดือนนี้ กับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ที่ส่งกำลังรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
"ฮามาสและปูตินคือตัวแทนของภัยคุกคามที่แตกต่างกัน แต่มีสิ่งที่เหมือนกัน คือต้องการทำลายล้างเพื่อนบ้านที่เป็นประชาธิปไตย" ไบเดนกล่าว
ปธน.ไบเดน เพิ่งเดินทางกลับจากการเยือนอิสราเอลเพื่อแสดงความสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อรัฐบาลกรุงเทลอาวิฟ หลังจากเกิดการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,400 คนทางภาคใต้ของอิสราเอล
ขณะนี้อิสราเอลกำลังเตรียมโจมตีภาคพื้นดินใส่ฉนวนกาซ่าเพื่อกวาดล้างกลุ่มฮามาส และสงครามครั้งนี้ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเมื่อเกิดการโจมตีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกาซ่าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 500 คน
ไบเดนยืนยันว่า อิสราเอลไม่ใช่ผู้โจมตีโรงพยาบาลดังกล่าวดังที่กลุ่มฮามาสกล่าวหา และบอกด้วยว่า "เราไม่ควรนิ่งเฉยต่อชีวิตของผู้บริสุทธิ์ที่ต้องการอยู่อย่างสงบและมีโอกาสที่ดี"
ไบเดนยังแสดงความกังวลต่อท่าทีของชาวอเมริกันบางคนที่ถามว่า "ทำไมเรื่องนี้จึงมีความสำคัญต่ออเมริกา?" โดยกล่าวว่า แม้สงครามทั้งสองแห่งจะเกิดขึ้นห่างไกลจากสหรัฐฯ แต่ศัตรูของอเมริกากำลังจ้องมองทิศทางของสงคราม และอาจสร้างปัญหาขึ้นมาอีกในพื้นที่อื่นขึ้นอยู่กับผลของสงครามในขณะนี้
ปธน.ไบเดน ร้องของบประมาณฉุกเฉินซึ่งเชื่อว่าจะมีมูลค่าราว 100,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงปีหน้า เพื่อให้แก่อิสราเอล ยูเครนและไต้หวัน รวมทั้งการป้องกันตามแนมพรมแดนทางทิศใต้ของสหรัฐฯ ติดกับเม็กซิโก
อย่างไรก็ตาม งบประมาณดังกล่าวจะต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาที่นำโดยพรรคเดโมแครต และสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่นำโดยพรรครีพับลิกัน ในขณะที่กำลังเกิดความวุ่นวายภายในกรุงวอชิงตันหลังการปลดประธานสภาผู้แทนฯ คนก่อน ส.ส.เควิน แมคคาร์ธีย์ เมื่อ 17 วันก่อน และพรรครีพับลิกันยังไม่สามารถตกลงกันได้ว่าใครจะเป็นประธานสภาล่างคนใหม่
ทั้งนี้ ผลการสำรวจที่จัดทำโดย Reuters/Ipsos เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชี้ว่า 4 ใน 10 ของคนอเมริกันเชื่อว่าสหรัฐฯ ควรสนับสนุนอิสราเอลในสงครามครั้งนี้ ขณะที่เกือบครึ่งหนึ่งเชื่อว่าสหรัฐฯ ควรเป็นกลางหรือไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง
และผลสำรวจเมื่อต้นเดือนนี้เผยว่า มีคนอเมริกันในสัดส่วนพอกันที่สนับสนุนให้รัฐบาลกรุงวอชิงตันส่งความช่วยเหลือด้านอาวุธให้แก่ยูเครน
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น