เหล่านักบินจากกองทัพและสายการบินพาณิชย์ในภารกิจอพยพชาวต่างชาติและชาวอัฟกันออกจากกรุงคาบูล ภายใต้การยึดครองของกลุ่มตาลิบัน เป็นหนึ่งในผู้รับหน้าที่สำคัญ ของภารกิจอพยพพลเมืองครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ของชาติตะวันตก ที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาก่อนเส้นตาย 31 สิงหาคมนี้
สำนักข่าว AFP สอบถามเหล่านักบินของกองทัพและสายการบินพาณิชย์ ในช่วงวิกฤตในอัฟกานิสถาน หลังการยึดครองของกลุ่มตาลิบัน พวกเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่คือภารกิจครั้งหนึ่งในชีวิต กับการเดินทางทางอากาศที่เต็มไปด้วยอันตราย และความวุ่นวายบริเวณสนามบิน ด้วยเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว คือ ทำภารกิจทั้งหมดให้สำเร็จลุล่วงให้ทันเวลา
นักบินที่รับผิดชอบการอพยพผู้คนจากอัฟกานิสถาน ต้องรับมือกับการเข้าถึงพิกัดที่ซับซ้อนบริเวณสนามบินในกรุงคาบูล ที่ล้อมรอบด้วยภูเขามากมาย บวกกับเที่ยวบินที่พลุกพล่านจนดูเหมือนกับเป็นศูนย์กลางการเดินทางสำคัญ ที่เต็มไปด้วยเครื่องบินของกองทัพจากนานาประเทศและเที่ยวบินอพยพประชาชน ในขณะที่พวกเขามีเพียงระบบป้องกันการชนกันของเครื่องบิน หรือ TCAS ที่ช่วยในภารกิจแห่งชีวิตนี้
กัปตันเครื่องบินลำเลียง A400M ของกองทัพฝรั่งเศส เปิดเผยกับ AFP ว่า ตอนนี้กองทัพสหรัฐฯ ที่ ประจำการที่สนามบินกรุงคาบูล เป็นฝ่ายควบคุมเส้นทางทางอากาศและบริเวณสนามบินกรุงคาบูลทั้งหมด ทำให้พวกเขาต้องพึ่งพาระบบที่มีในมือและใช้ทักษะที่มีจัดการภารกิจเหล่านี้ด้วยตัวเอง รวมทั้งเหล่านักบินต้องคอยประเมินสถานการณ์และความเสี่ยงภายนอกอยู่ตลอดเวลาด้วย
กัปตันแดนน้ำหอม พูดถึงความเสี่ยงของการถูกโจมตีด้วยจรวดระหว่างการลงจอด ซึ่งเครื่องบิน A400M มีระบบอินฟราเรดที่สามารถหลอกล่อให้จรวดโจมตีเปลี่ยนทิศทาง ขณะที่วิถีการลงจอดจะต้องเบี่ยงลงใกล้กับพื้นลานบินอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการโจมตีระหว่างลงจอดในสนามบินด้วย ซึ่งที่ผ่านมากระบวนการขึ้นบินและลงจอดเหล่านี้เป็นไปอย่างราบรื่นสมบูรณ์ จากความมีระเบียบและเคารพพื้นที่ของเหล่านักบินนานาชาติทุกนาย
'พร้อมทะยานสู่ท้องฟ้า'
การรุกคืบยึดครองกรุงคาบูลของกลุ่มตาลิบัน เมื่อ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา เกิดขึ้นในอัตราเร่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ทำให้ประชาชนจำนวนมากในอัฟกานิสถานมุ่งหน้าสู่สนามบินนานาชาติในกรุงคาบูล เพราะเป็นหนทางเดียวในการเดินทางออกจากประเทศนี้
มัคซูด บาราจนี (Maqsoud Barajni) นักบินของสายการบิน Pakistan International Airlines เปิดเผยกับ AFP ถึงเหตุการณ์นั้นว่า เมื่อเขาลงจอดเที่ยวบินพาณิชย์ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม เขาไม่พบความผิดปกติใดๆ แต่เมื่อเขากำลังเดินเครื่องเพื่อจะบินออกจากสนามบินกรุงคาบูล เขาเห็นความวุ่นวายโกลาหลด้านนอกสนามบิน และเริ่มคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว ก่อนที่ผู้คนจะกรูเข้ามาภายในสนามบิน พร้อมด้วยมีเสียงปืนไล่ตามมาติดๆ
บาราจนีพยายามจะนำเครื่องขึ้นบินให้ได้ แต่ดูจะไม่ทันการ เพราะหอบังคับการบินได้ยกเลิกเที่ยวบินของเขาไปก่อนแล้ว เขาจึงต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในอาชีพการบินของเขา ด้วยการนำเครื่องขึ้นให้ได้ แม้ว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นบินก็ตาม เพราะนี่ไม่ใช่ภาวะปกติแล้ว
หลังจากเขาได้ติดตามสถานการณ์มาร่วม 1 ชั่วโมง เขาจึงตัดสินใจนำเครื่องขึ้น และทัศนวิสัยที่เป็นใจทำให้เขาสามารถหลบเลี่ยงเที่ยวบินของกองทัพนานาชาติที่มุ่งหน้ามายังกรุงคาบูลอย่างปลอดภัย และถือเป็นเที่ยวบินพาณิชย์ลำสุดท้ายที่ได้เดินทางออกจากอัฟกานิสถานในวันนั้น
ด้านอูแซร์ ข่าน (Uzair Khan) นักบินของสายการบิน Pakistan International Airlines อีกคนที่ได้เดินทางออกจากกรุงคาบูลไปก่อนบาราจนีในวันเดียวกันนี้ เล่าถึงช่วงเวลาที่เขาต้องทำใจให้สงบ ระหว่างควบคุมเที่ยวบินที่ผู้โดยสารต่างตื่นตระหนกตกใจกับความวุ่นวายในอัฟกานิสถานที่ตาลิบันเข้ายึดครอง
ข่าน เล่าว่า ผู้โดยสารเกือบทั้งลำของเขาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือไม่ก็เป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐบาลของประธานาธิบดีอัชราฟ กานี แห่งอัฟกานิสถาน พวกเขาหอบครอบครัวหลบหนีออกจากประเทศ พร้อมกับกดดันให้ลูกเรือนำเครื่องบินออกให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้ข่านถูกบังคับให้ต้องนำเครื่องขึ้นบินโดยไม่ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่การบินของอัฟกันแม้แต่น้อย และทันทีที่เครื่องแตะกรุงอิสลามาบัดของปากีสถาน เหล่าผู้โดยสารจึงสงบลงได้
'ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด'
สถานการณ์ในอัฟกานิสถานเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ไม่กี่วันหลังกลุ่มตาลิบันบุกยึดกรุงคาบูลของอัฟกานิสถานมาได้ จากภาพของเครื่องบิน C-17 ของกองทัพอังกฤษ ที่เต็มไปด้วยผู้คนแออัดนั่งขัดสมาธิกันบนเครื่อง ซึ่งได้รับการเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก สะท้อนความวุ่นวายโกลาหลในภารกิจขนย้ายพลเมืองออกจากอัฟกานิสถาน
ในสายตาของพันเอกยานนิค เดอบอยส์ (Yannick Desbois) ผู้บัญชาการฐานทัพฝรั่งเศสประจำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) มองว่า ควรจะพิจารณาความสมเหตุสมผลของศักยภาพของเครื่องบินแต่ละลำ และรับผู้โดยสารเท่ากับความจุที่รับได้ อย่างเช่น เครื่องบิน A400M ของกองทัพฝรั่งเศส ปกติแล้วรองรับ 110 ที่นั่ง แต่สามารถจุคนได้ถึง 235 คน
พันเอกเดอบอยส์ อธิบายถึงภาพที่เห็นในกรณีของเครื่องบิน C-17 ของกองทัพอังกฤษว่า ผู้คนนั่งอยู่บนพื้นก็จริง แต่เป็นไปอย่างปลอดภัย เพราะเครื่องบิน C-17 ออกแบบมาให้รองรับผู้โดยสารถึง 400 คนบนเครื่อง แต่มีรายงานว่าหนึ่งในเครื่องบินรุ่นนี้ต้องรองรับผู้โดยสารมากถึง 829 คนในลำเดียว ปัจจัยสำคัญกว่านั้นคือเรื่องของน้ำหนัก เพราะแม้จำนวนผู้โดยสารจะมากกว่าที่กำหนดไว้ก็จริง แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นเด็กนั่นเอง
บรรดานักบินต่างกล่าวว่า ผู้คนที่ขึ้นเครื่องมาได้ต่างเหนื่อยล้า และความกดดันเริ่มบรรเทาลง หลังจากเที่ยวบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า งานที่เหลือของเหล่านักบินก็ไม่ยากเย็นแล้ว
(ที่มา: AFP)