ฟิลิปปินส์จัดการเลือกตั้งกลางเทอมสำหรับสมาชิกรัฐสภาและหน่วยงานบริหารส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะมีผลต่อนโยบายปราบปรามยาเสพติดของประธานาธิบดีโรดริโก ตูเตอร์เต้ ที่กำลังอยู่ในช่วงกลางสมัยของการบริหารประเทศ
ผู้นำฟิลิปปินส์วัย 73 ปียังคงได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศ ตามรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี และหลังจากที่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างถล่มทลาย 3 ปีก่อนประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ ใช้นโยบายที่เด็ดขาดในการปราบปรามยาเสพติด
ขณะนี้เขาต้องการให้สภาผ่านกฎหมายอนุญาตให้ใช้การประหารชีวิตต่อนักโทษคดียาเสพติดได้ ทั้งนี้ฟิลิปปินส์เคยมีโทษประหารชีวิตจนกระทั่งทางการสั่งยกเลิกไปเมื่อ ปี ค.ศ. 1987 หรือ 32 ปีก่อน จากนั้นอีก 6 ปีมีการนำโทษประหารชีวิตกลับมาใช้ใหม่ และถูกสั่งห้ามอีกครั้งเมื่อ 13 ปีก่อน
การเลือกตั้งครั้งนี้มีการชิงชัยระดับประเทศและระดับท้องถิ่นกันทั้งหมด 18,000 ตำแหน่ง และมีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงกว่า 61 ล้านคน
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายดูเตอร์เต้ต้องการให้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรตกเป็นของกลุ่มพันธมิตรการเมืองของเขา และต้องการให้เสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภาที่มีทั้งหมด 24 เสียง ตกเป็นอยู่ใต้การควบคุมของตนเช่นกัน แม้ว่าตามปกติวุฒิสมาชิกมักลงมติอย่างเป็นอิสระตามความคิดของตน
การประกาศผลการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาถูกคาดหมายว่าจะเกิดขึ้นในวันศุกร์นี้
หากประธานาธิบดีดูเตอร์เต้สามารถคุมเสียงในวุฒิสภา เขาอาจประสบความสำเร็จในการแก้รัฐธรรมนูญให้ตำแหน่งประธานาธิบดีมีอำนาจบริหารประเทศยาวนานได้มากกว่า 1 สมัยที่หมดวาระลงทุกๆ 6 ปี
ถ้าข้อจำกัดดังกล่าวหมดลง และนายดูเตอร์เต้ต้องการเป็นผู้นำต่อ เขาคงต้องอธิบายเหตุผลต่อประชาชน เพราะที่ผ่านมาประธานาธิบดีฝีปากกล้าผู้นี้ กล่าวเสมอว่าเขาจะลงจากตำแหน่งเมื่อหมดวาระอีก 3 ปีจากนี้
ถึงเเม้ว่าถ้าไม่มีการต่ออายุตำแหน่งประธานาธิบดีให้อยู่ได้นานกว่า 1 สมัย ดูเหมือนว่าครอบครัวดูเตอร์เต้ก็ได้สร้างเส้นทางการเมืองที่มั่นคงให้กับสมาชิกรุ่นต่อไปไว้แล้ว
บุตรสาวของนายดูเตอร์เต้ ที่ชื่อ ซาร่า ถูกมองว่าอาจมีโอกาสเป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนต่อไป เมื่อมีการเลือกตั้งผู้นำในอีก 3 ปีจากนี้ และในการเลือกตั้งวันจันทร์นี้ เธอลงเเข่งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองดาเวาทางใต้ของประเทศอีกสมัยหนึ่ง
น้องชายของเธอ นายเซบาสเตียน ดูเตอร์เต้ ลงชิงชัยเป็นรองนายกเทศมนตรีเมืองเดียวกันอย่างไร้คู่แข่ง ส่วน เปาโล ลูกชายคนโตของประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ ก็ลงสมัครในตำแหน่ง ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานด้วยว่า การเมืองในฟิลิปปินส์มีการเเข่งขันกันรุนแรงเสมอ และข่าวการสังหารนักการเมืองและหัวคะเเนนเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะในสนามเลือกตั้งที่มีผลประโยชน์สูง
ด้วยเหตุนี้ ขณะนี้ตำรวจกำลังเฝ้าระวังเหตุร้ายอย่างใกล้ชิด หลังมีผู้ถูกสังหาร 14 รายและบาดเจ็บ 14 คน ในความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา
(รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี)