การเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ในช่วงกึ่งกลางของสมัยการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของ นายโรดริโก้ ดูเตอร์เต้ ซึ่งเขามีกำหนดบริหารประเทศต่อจนถึงปี พ.ศ. 2565
นักวิเคราะห์มองว่าผู้ที่มาออกเสียงจากทั้งหมดที่มีสิทธิ์ 63 ล้านคนทั่วประเทศ จะให้ความสนใจนักการเมืองที่นายดูเตอร์เต้สนับสนุน
มาเรีย เอลา อะเทียนซา อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ กล่าวว่าตามปกติการเลือกตั้งที่ฟิลิปปินส์ จะมีความเรื่องความชอบในบุคคลิกเป็นตัวนำหลัก มากกว่าแผนงานด้านนโยบายและความนิยมในตัวพรรค
เธอบอกว่าหากใครได้รับการประกาศสนับสนุนจากประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ก็จะได้ตัวช่วยสำคัญในสนามเลือกตั้ง
ในช่วง 3 เดือนเเรกของปีนี้ ความนิยมในตัวประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ79 ตามรายงานของสถาบัน Social Weather Stations ที่กรุงมะนิลา
เจ้าหน้าที่เลือกตั้งจะใช้เวลานับคะเเนน 6 วัน สำหรับตำแหน่งนักการเมืองระดับประเทศและระดับท้องถิ่น ทั้งหมด 18,000 ตำแหน่ง
อาจารย์เเอนโตนิโอ คอนทาเรส แห่งมหาวิทยาลัย เดอลาเซล กล่าวว่าในบางเขตมีผู้ได้รับการสนับสนุนจากนายดูเตอร์เต้มากกว่าหนึ่งคน การช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองยังทำให้เกิดการขับเคี่ยวกันอย่างรุนแรง และมีนักการเมืองถูกสังหารแล้วหลายคน
ในช่วงสองปีตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2559 มีผู้เสียชีวิตที่เป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในเหตุฆาตกรรมแล้วอย่างน้อย 15 คน เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักการเมืองเลือดใหม่ ที่เป็นทางเลือกที่น่าตื่นเต้นมักไม่ค่อยมีให้เห็นในฟิลิปปินส์
อาจารย์เเอนโตนิโอ คอนทาเรส กล่าวว่าเป็นเรื่องยากมากที่นักการเมืองทางเลือกใหม่จะสามารถเเข่งขันได้ในการเลือกตั้ง เพราะคนเหล่านี้มีงบประมาณจำกัด และยากที่จะได้รับความสนใจจากสื่อ
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เสียงเชียร์จากประธานาธิบดีดูเตอร์เต้จึงเปรียบเหมือนทางลัดสู่การเป็นที่รู้จัก
เเต่การเเย่งชิงการประกาศสนับสนุนทางการเมืองจากผู้นำสูงสุด ดูเหมือนว่าจะบดบังประเด็นด้านนโยบาย ทั้งๆ ที่ฟิลิปปินส์มีปัญหาเรื่องความยากจน เงินเฟ้อ และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เสื่อมสภาพ
หน่วยงาน PulseAsia Research กล่าวด้วยว่าเรื่องการขาดเเคลนน้ำยังเป็นประเด็นสำคัญของฟิลิปปินส์ อีกประการหนึ่ง
หากนักการเมืองที่นายดูเตอร์เต้สนับสนุนได้เข้าไปนั่งในสภามากเพียงพอ โดยเฉพาะในวุฒิสภา เขาน่าจะดำเนินการปราบปรามปัญหายาเสพติดต่อเนื่อง ซึ่งสื่อประเมินว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการถูกวิสามัญฆาตกรรมแล้วกว่า 5,000 คน
นอกจากนั้นรัฐบาล น่าจะสามารถผลักดันแผนปรับกฎหมายด้านภาษี และสานต่อโครงการระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน และที่แน่ๆ ฉากการเมืองของฟิลิปปินส์จะยังได้สีสันจากวาทะที่เเสบคมของนักการเมืองผู้นี้อยู่ต่อไป