ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) กล่าวในวันพุธว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ควรเลื่อนการแถลงแสดงนโยบายประจำปี หรือ State of the Union ออกไปก่อน จนกว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะเปิดทำการอีกครั้ง หรืออาจใช้วิธีเขียนคำแถลงเป็นลายลักษษณ์อักษรแทนการกล่าวปราศรัย
ส.ส.แนนซี เพโลซี เขียนจดหมายถึงประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า การปิดทำการรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งดำเนินมาถึงวันที่ 26 แล้วนี้ จะส่งผลกระทบต่อการรักษาความปลอดภัยของตัวประธานาธิบดีและครอบครัว ในช่วงการแถลงแสดงนโยบายที่กำหนดไว้วันที่ 29 มกราคมนี้ จึงควรเลื่อนการแถลงดังกล่าวออกไป
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ (Homeland Security) เคิร์สต์เจน นีลเซ่น (Kirstjen Nielsen) ยืนยันว่าหน่วยงานของเธอสามารถสามารถรับมือด้านการรักษาความปลอดภัยในช่วงการแถลงแสดงนโยบายครั้งนี้ได้ แม้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงจำนวนมากยังไม่ได้รับเงินเดือนก็ตาม
รัฐธรรมนูญของอเมริกา กำหนดให้ประธานาธิบดีต้องแถลงต่อรัฐสภาสหรัฐฯ เกี่ยวกับนโยบายต่างๆ เป็นประจำ โดยในยุคแรกนั้นมักเป็นการเขียนคำแถลงเพื่อส่งให้กับรัฐสภาโดยตรว แต่ในยุคหลัง ประธานาธิบดีมักใช้วิธีกล่าวคำแถลงทางโทรทัศน์เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับฟังด้วย
โดยเชื่อกันว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะใช้เวทีการแถลงแสดงนโยบายครั้งนี้ กล่าวกดดันให้พรรคเดโมแครตอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงมูลค่ากว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นประเด้นสำคัญที่ทำให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ปิดทำการอยู่ในขณะนี้
ในวันพุธ ปธน.ทรัมป์ พบเจรจากับนักการเมืองจากทั้งสองพรรคที่ร่วมกันจัดตั้งกลุ่ม Problem Solvers Caucus เพื่อแก้ไขปัญหาชะงักงันด้านงบประมาณดังกล่าว ซึ่งโฆษกทำเนียบขาว ซาราห์ แซนเดอร์ส (Sarah Sanders) ระบุว่าการหารือครั้งนี้เป็นไปด้วยดี และหวังว่าจะมีการเจรจาลักษณะนี้อีกในครั้งต่อไป
ถึงกระนั้น ยังไม่มีท่าทีว่าการเจรจาจะสามารถหาทางออกเรื่องการปิดทำการรัฐบาลสหรัฐฯ ได้แต่อย่างใด
เมื่อวันอังคาร นายเควิน แฮสเส็ทท์ (Kevin Hassett) ประธานสภาที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของ ปธน.ทรัมป์ ระบุถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการปิดทำการรัฐบาลครั้งนี้ ซึ่งสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้สองเท่า
โดยมีการประเมินว่าตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะลดลง 0.5% จากการปิดทำการรัฐบาลที่กระทบต่อเงินเดือนของเจ้าหน้าที่ภาครัฐราว 800,000 คน และจะลดลงทุก 0.13% ในแต่ละสัปดาห์ที่การปิดทำการครั้งนี้ยืดเยื้อออกไป
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจที่จัดทำโดย Reuters/Ipsos ในคำถามที่ว่าฝ่ายใดควรถูกกล่าวโทษเรื่อง government shutdown ร้อยละ 51 กล่าวว่าประธานาธิบดีทรัมป์ และร้อยละ 34 กล่าวว่าควรเป็นนักการเมืองเดโมเเครต