ภาวะขาดแคลนนมผงในสหรัฐฯ บีบผู้บริโภคดูแลแก้ปัญหากันเอง

ภาวะขาดแคลนนมผงในสหรัฐฯ ทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องสั่งยกระดับการตอบรับสถานการณ์ดังกล่าวทั่วประเทศโดยด่วน ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคที่เป็นผู้ปกครองต้องเร่งหาทางช่วยเหลือตัวเองด้วยการสร้างกลุ่มออนไลน์เพื่อแลกหรือซื้อขายของระหว่างกันเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี

ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ปธน.ไบเดน ร่วมประชุมออนไลน์กับผู้บริหารบริษัทผู้ผลิตอาหารเด็ก เช่น เกอร์เบอร์ (Gerber) และ เรคกิตต์ (Reckitt) ในวันพฤหัสบดีเพื่อหารือหนทางเพิ่มระดับการผลิตและสิ่งที่รัฐบาลกรุงวอชิงตันจะสามารถทำได้เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมนี้ รวมทั้ง พูดคุยกับธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ อาทิ วอลมาร์ท (Walmart) และ ทาร์เก็ต (Target) เกี่ยวกับการเติมสินค้าขึ้นชั้นในร้านและประเด็นความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์นมผงตามพื้นที่ภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ

นอกจากนั้น รัฐบาลปธน.ไบเดนจะเฝ้าสังเกตการณ์กรณีการโก่งราคาสินค้าในตลาด และจะทำงานร่วมกับหุ้นส่วนการค้าในเม็กซิโก ชิลี ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ เพื่อนำเข้านมผงมาพยุงสถานการณ์ในประเทศ แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว 98% ของผลิตภัณฑ์นมผงที่จำหน่ายในสหรัฐฯ นั้นเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศก็ตาม

ปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้มีสาเหตุมาจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและการที่ผู้ผลิตเรียกคืนสินค้าเพราะประเด็นด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ซึ่งล้วนส่งผลกระทบซ้ำเติมมากมาย อาทิ การที่ผู้ค้าปลีกต้องสั่งจำกัดจำนวนสินค้าที่ลูกค้ามีสิทธิ์ซื้อ ขณะที่ แพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องเรียกร้องให้พ่อแม่ทั้งหลายไปติดต่อองค์กรประเภทธนาคารอาหารหรือสำนักงานแพทย์ของครอบครัว พร้อม ๆ กับเตือนไม่ให้ทำการผสมน้ำมากเกินไปหรือลองผลิตนมผงด้วยตนเองโดยพึ่งสูตรที่หาได้ทางอินเทอร์เน็ต

ทั้งนี้ ปัญหาการขาดแคลนนมผงในครั้งนี้ส่งผลกระทบรุนแรงเป็นพิเศษต่อกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะหลังจากบริษัทแอบบอตต์ (Abbott) เรียกคืนสินค้าของตนกลับ เพราะกรณีความกังวลเกี่ยวกับการปนเปื้อน ซึ่งทำให้โครงการ WIC ซึ่งเป็นแนวคิดริเริ่มของรัฐบาลกลางสำหรับการให้ความช่วยเหลือสตรี เด็กอ่อน และเด็กทั่วสหรัฐฯ ไม่มีนมผงเพียงพอสำหรับใช้แจกจ่ายในโครงการสักพัก จนเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่เพิ่งได้รับอนุญาตให้หาสินค้ามาทดแทนได้ ขณะที่ รัฐบาลกรุงวอชิงตันกำลังเร่งทำงานร่วมมือกับรัฐต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สิทธิ์ WIC สามารถหันไปซื้อนมผงขนาดอื่น ๆ ที่ปกติแล้ว จะไม่สามารถใช้สิทธิ์นี้ซื้อในราคาพิเศษได้

ทำเนียบขาว ระบุว่า ปัจจุบัน ผู้ใช้สิทธิ์ในโครงการ WIC เป็นผู้ซื้อนมผงกว่าครึ่งหนึ่งที่มีจำหน่ายทั่วสหรัฐฯ

ตัวอย่างของผู้ที่เป็นสมาชิกโครงการนี้และได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว คือ คลารา ฮินตัน วัย 30 ปี จากเมืองฮาร์ตฟอร์ด รัฐคอนเนตทิคัต ซึ่งมีลูกสาววัย 10 เดือนที่มีปัญหาแพ้นมและต้องดื่มเฉพาะนมสูตรพิเศษ

ฮินตัน ไม่มีรถขับและต้องนักรถประจำทางจากแถบชานเมืองไปเมืองอื่น ๆ กว่าจะหานมผงสูตรพิเศษได้ แต่ร้านดังกล่าวปฏิเสธที่จะรับบัตร WIC ของเธอ ขณะที่ นมผงสูตรพิเศษที่เพื่อนของเธอแบ่งมาให้ก็เพิ่งหมดไป และทำให้เธอต้องเอานมผงแบบปกติมาป้อนลูก แม้แพทย์จะย้ำกับเธอแล้วว่า ไม่ควรทำเช่นนั้น

เอลิซาเบธ แอมาเดอร์ จากรัฐยูทาห์ คือ สมาชิกโครงการ WIC อีกรายที่ประสบปัญหาจากภาวะนมผงขาดตลาด โดยเธอต้องตระเวณไปตามร้านต่าง ๆ ในเมืองซอลต์เลกซิตี ทุกวันหลังเลิกงาน เพื่อหานมผงสูตรเฉพาะสำหรับลูกสาววัย 9 เดือนของเธอ เพราะในเวลานี้ เธอมีนมสูตรนี้เหลือเพียง 1 กระป๋องเท่านั้น ซึ่งการเสาะหานมสูตรดังกล่าวนำมาซึ่งความเครียดอย่างมากในภาวะที่ราคาน้ำมันกำลังพุ่งสูงอยู่

ขณะเดียวกัน ผู้ปกครองบางรายเลือกใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการหานมผงให้ลูก เช่น แอชลีย์ แมดดอกซ์ ซึ่งเป็นคุณแม่ลูกสองจากเมืองซาน ดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ตัดสินใจเปิดเพจเฟซบุ๊กใหม่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังไม่สามารถนมผงให้ลูกชายวัย 5 เดือนที่ร้านค้าสวัสดิการกองทัพเรือได้ และเธอก็ได้เจอเพื่อนสาวในกลุ่มซึ่งมีนมสูตรที่เธอต้องการอยู่ 7 กระป๋องและลูกของเพื่อนก็หย่านมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเธอบอกว่า ถือเป็นปาฏิหาริย์อย่างมาก

คุณแม่ที่ต้องหันมาพึ่งโซเชียลมีเดียเพื่อหานมผงสูตรตามแพทย์สั่งก็คือ คิมเบอร์ลีย์ แอนเดอร์สัน วัย 34 ปี จากฮาร์ตฟอร์ดเคาน์ตี รัฐแมริแลนด์ ซึ่งประสบปัญหาไม่สามารถหานมในพื้นที่แถวบ้านไม่ได้เลย จึงตัดสินใจสื่อสังคมออนไลน์และได้พบกับคนในรัฐยูทาห์และนครบอสตันที่มีนมแบบที่ลูกวัย 7 เดือนครึ่งของเธอต้องรับประทาน เธอจึงติดต่อไปและออกค่าส่งของมาได้สำเร็จ

อันที่จริง การขาดแคลนอาหารจำเป็นในสหรัฐฯ ถือเป็นปัญหาใหญ่ตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัส เช่นเดียวกับ อุปทานด้านเวชภัณฑ์ ชิปประมวลผลคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน รถยนต์ และสินค้าอื่น ๆ ที่ประสบปัญหาเพราะโรงงานทั้งหลายต้องปิดตัวและการระบาดใหญ่ของไวรัส รวมทั้งเหตุพายุและภาวะที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ

ในส่วนของผลิตภัณฑ์นมผมสำหรับเด็กอ่อนนั้น ฟรานซิส เฟลมมิง-มิลิชิ ผู้อำนวยการด้านการตลาดจาก Rudd Center กล่าวว่า บางคนมักเลือกเอานมผงสำหรับเด็กเล็กมาใช้แทนเพราะดูคล้ายกัน แต่อันที่จริงแล้ว ส่วนประกอบนั้นต่างกัน และนมผงสำหรับเด็กเล็กนั้นไม่ได้ต้องอ้างอิงมาตรฐานสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ด้วย

• ที่มา: เอพี