สถานการณ์การขาดแคลนชิปประมวลผลที่ขาดตลาดอยู่ทั่วโลก ทำให้ผู้ผลิตรถชั้นนำของยุโรปอย่างน้อย 2 ร้าย ต้องประสบปัญหาผลิตรถต่ำกว่าเป้าเป็นจำนวนมากในไตรมาสที่ 3 ของปี ตามรายงานของสำนักข่าว รอยเตอร์
บริษัทรถ โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) ซึ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถยุโรปและเป็นผู้ผลิตรถที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก ประกาศปรับเป้าการนำส่งรถ พร้อมลดการคาดการณ์ยอดขายของตนในปีนี้ลง หลังผลกำไรในไตรมาสล่าสุดออกมาต่ำกว่าที่คาด
ผู้ผลิตรถสัญชาติเยอรมันแห่งนี้เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 3 ที่เพิ่งผ่านไป บริษัทผลิตรถออกได้น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึงราว 800,000 คัน หรือประมาณ 35%
ขณะเดียวกัน บริษัท สเตลลานติส (Stellantis) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถอันดับที่ 4 ของโลก รายงานตัวเลขรายได้ประมาณการในไตรมาสที่แล้วลดลง 14% เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนชิปประมวลผลประทบสายการผลิตและทำให้จำนวนรถที่ผลิตออกมานั้นต่ำกว่าเป้า 30% หรือราว 600,000 คัน
และแม้สถานการณ์การขาดแคลนชิปนั้นจะเริ่มผ่อนคลายลงพอควรแล้ว ผู้บริหารของ สเตลลานติส ยอมรับว่า ปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานโลกที่ยังดำเนินอยู่ทำให้ไม่สามารถประเมินว่า อุตสาหกรรมรถจะต้องรับมือกับปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ไปอีกนานเพียงใด
นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการระบาดใหญ่ทั่วโลกของโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว โรงงานผลิตรถทั่วโลกต้องปิดทำการชั่วคราว ก่อนที่จะมาประสบปัญหาผลกระทบจากอุตสาหกรรมอิเลกทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องกับการผลิตชิป
ปัจจุบัน ชิปประมวลผลนั้นเป็นชิ้นส่วนสำคัญสำหรับการผลิตรถ ตั้งแต่ระบบเบรก ไปจนถึงระบบพวงมาลัย และระบบความบันเทิงภายในรถ
การขาดแคลนชิ้นส่วนนี้ ทำให้ผู้ผลิตรถทั่วโลกต้องปรับลดหรือระงับการผลิต ทั้งยังส่งผลให้ราคารถที่ผลิตออกมาแล้วและเพิ่งผลิตตามออกมาพุ่งขึ้น เนื่องจากความต้องการผู้บริโภคที่สูงกว่าอุปทานด้วย
(ที่มา: สำนักข่าว รอยเตอร์)