กองทัพอิสราเอลเผยว่าได้สังหารผู้พัฒนาอาวุธของกลุ่มฮามาส ระหว่างการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินในกาซ่า ที่มุ่งเป้ากลุ่มติดอาวุธที่ก่อเหตุโจมตีอิสราเอลอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา
ระหว่างที่กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการในกาซ่าซิตี้ พลเมืองผู้บริสุทธิ์ชาวปาเลสไตน์เดินหน้าอพยพจากตอนเหนือไปยังตอนใต้อย่างต่อเนื่อง ทางองค์กรด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ (OCHA) ระบุว่าชาวปาเลสไตน์ราว 15,000 คนอพยพออกไปจากพื้นที่เมื่อวันอังคาร ซึ่งมากกว่าช่วงไม่กี่วันมานี้ถึง 3 เท่าตัว
นอกจากนี้ ทางสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ยังเตือนว่าความหนาแน่นแออัดของผู้คนในค่ายผู้ลี้ภัยทางตอนใต้ของกาซ่านั้นถึงระดับที่ “ไม่สามารถรองรับผู้อพยพรายใหม่ได้” ขณะที่ผู้คนในกาซ่าราว 2.3 ล้านคนต้องพลัดถิ่นฐาน และเผชิญกับสถานการณ์ด้านสุขอนามัยที่เลวร้าย รวมทั้งการขาดน้ำ และเชื้อเพลิงที่เพียงพอ
สำหรับความช่วยเหลือที่เข้าถึงกาซ่าผ่านทางอียิปต์ในช่วง 2 สัปดาห์มานี้ มีทั้งรถบรรทุก 81 คันที่ถึงกาซ่าเมื่อวันอังคาร ซึ่งทางยูเอ็นระบุว่าก่อนสงครามอิสราเอล-ฮามาส ปะทุขึ้น มีรถขนส่งความช่วยเหลือเข้าไปในกาซ่าราว 500 คันต่อวัน
อิสราเอลเริ่มต้นการโจมตีโต้กลับการก่อเหตุรุนแรงโดยกลุ่มฮามาสในพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคม คร่าชีวิตชาวอิสราเอลกว่า 1,400 คน โดยส่วนใหญ่เป็นพลเรือนผู้บริสุทธิ์ และฮามาสยังจับตัวประกันไปอีกราว 240 คน
ฝั่งกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ในการบริหารของกลุ่มฮามาสในกาซ่า ระบุว่า การโจมตีของอิสราเอลได้คร่าชีวิตผู้คนกว่า 10,500 คน โดย 2 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงและเด็ก
ทางยูเอ็นเพิ่มเติมว่า มีชาวต่างชาติและผู้ถือสองสัญชาติราว 600 คน เดินทางออกจากกาซ่า ผ่านด่านพรมแดนอียิปต์เมื่อวันอังคาร
ประธานาธิบดีเฟอร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์ แห่งฟิลิปปินส์ ระบุในวันพุธว่า ชาวฟิลิปปินส์ 40 คนได้ข้ามพรมแดนไปยังอียิปต์และมุ่งหน้ากลับบ้านแล้ว
ส่วนประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ระบุในวันพุธด้วยว่าชาวยูเครนในกาซ่ากลุ่มแรกจำนวน 43 คนเดินทางข้ามไปอียิปต์ได้อย่างปลอดภัย พร้อมกับพลเมืองมอลโดวา ประเทศเพื่อนบ้านยูเครนอีก 36 คน
- มีเนื้อหาบางส่วนจากเอพี รอยเตอร์ และเอเอฟพี
กระดานความเห็น