บริษัทยา แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) เปิดเผยในวันจันทร์ว่า ผลการทดสอบวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าวัคซีนของบริษัทสามารถป้องกันอาการรุนแรงจากโควิด-19 ได้ 100%
แถลงการณ์ของแอสตราเซเนกา ระบุว่า จากการทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง 32,449 คนในสหรัฐฯ พบว่า วัคซีนโควิดของบริษัทมีประสิทธิผลสูงอย่างคงที่ในการป้องกันโควิด-19 ในกลุ่มประชากรอายุต่าง ๆ และมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ โดยในกลุ่มประชากรอายุมากกว่า 65 ปีนั้นสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ราว 80%
แอสตราเซเนกายืนยันด้วยว่า วัคซีนนี้มีความปลอดภัยสูง โดยคณะกรรมการตรวจสอบความปลอดภัยอิสระ หรือ DSMB รับรองว่าไม่มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนชนิดนี้
ขณะเดียวกัน ทางมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด ผู้ร่วมพัฒนาวัคซีนดังกล่าว เผยด้วยว่าการทดสอบในสหรัฐฯ บ่งชี้ว่าวัคซีนนี้มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อโคโรนาไวรัสแบบแสดงอาการได้ถึง 79%
ก่อนหน้านี้ ประเทศในยุโรปหลายประเทศได้ระงับใช้วัคซีนโควิดของแอสตราเซเนกาชั่วคราว เนื่องจากความกังวลเรื่องการเกิดลิ่มเลือดหลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แต่ทางสำนักงานยาของยุโรป หรือ EMA ยืนยันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกาปลอดภัยและไม่มีความเสี่ยงเรื่องลิ่มเลือดแต่อย่างใด ส่งผลให้ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี เริ่มกลับมาฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาอีกครั้ง
ด้านองค์การอนามัยโลกออกมาแนะนำให้ประเทศต่าง ๆ ใช้วัคซีนโควิดของแอสตราเซเนกาเพื่อป้องกันโคโรนาไวรัสที่กลายพันธุ์เช่นกัน โดยระบุว่าประโยชน์จากวัคซีนชนิดนี้มีมากกว่าความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
ที่ผ่านมา วัคซีนโควิดของแอสตราเซเกา คือตัวเลือกแรก ๆ ของประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากมีราคาถูกกว่าและสามารถเก็บรักษาได้ง่ายกว่าสำหรับประเทศเขตร้อน โดยสำนักข่าว Associated Press รายงานว่า ปัจจุบันวัคซีนของแอสตราเซเนกาได้รับการรับรองแล้วในมากกว่า 50 ประเทศ