อุณหภูมิบนโลกเพิ่มขึ้นช้าลงในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการเย็นตัวลงของภูเขาไฟและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับดวงอาทิตย์
เมื่อปีที่แล้ว คณะกรรมาธิการความร่วมมือระดับรัฐบาลนานาชาติว่าด้วยภาวะโลกร้อนแห่งสหประชาชาติได้เปิดเผยรายงานที่ละเอียดมากที่สุดที่ชี้ว่าในขณะที่ระดับอุณหภูมิของโลกโดยเฉลี่ยได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 30 ปีสุดท้ายของคริสต์ศตวรรษที่ 20
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกชี้ว่าภาวะโลกร้อนยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและอากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามอัตราการเพิ่มของอุณหภูมิบนโลกได้เริ่มช้าลงในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์หลายคนชี้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการเย็นตัวลงของภูเขาไฟและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับดวงอาทิตย์
แต่ศาสตราจารย์ Ka Kit Tung อาจารย์ด้านคณิตศาสตร์ประยุกต์แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน กล่าวว่าระดับอุณหภูมิเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาวะโลกร้อน
เขากล่าวว่าหากมองในแง่ของพลังงาน การอุ่นขึ้นของโลกไม่ได้แค่ทำให้อากาศร้อนเฉพาะบนผิวหน้าเท่านั้น แต่มีผลให้น้ำทะเลทั้งด้านบนผิวหน้าและด้านใต้ของมหาสมุทรอุ่นขึ้นไปพร้อมๆ กัน มีหลักฐานชี้ว่าระดับอุณหภูมิของน้ำทะเลยังเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงหยุดนิ่งของภาวะโลกร้อน
ราว 93 เปอร์เซ็นต์ของความร้อนที่เพิ่มขึ้นเกิดจากแก๊สเรือนกระจกที่สะสมอยู่ในน้ำในมหาสมุทร ศาสตราจารย์ Tung ใช้ตัวเซ็นเซ่อร์ใต้ทะเลเป็นเครื่องมือวัดอุณหภูมิของน้ำทะเลในระดับความลึกที่แตกต่างกันในช่วง 30 ปีสุดท้ายของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมา การศึกษาภาวะอากาศโลกนี้ชี้ว่ามหาสมุทรแปซิฟิกสะสมความร้อนเอาไว้ในน้ำทะเลทุกระดับ แต่พบว่าความร้อนได้จมตัวลงไปอยู่ลึกใต้มหาสมุทรแอตแลนติกกับทะเลใต้
ศาสตราจารย์ Tung กล่าวว่าในระยะปัจจุบันเป็นช่วงที่อุณหภูมิของน้ำบนผิวหน้าของมหาสมุทรเริ่มเย็นตัวลงโดยเริ่มเกิดขึ้นในปีคริสตศักราช 1999 หรือเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ส่งผลให้อัตราความเร็วของการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกเริ่มชลอตัว
ศาสตราจารย์ Tung กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าขณะนี้เรากำลังอยู่บนจุดกึ่งกลางของช่วงระยะเวลา 30 ปีของการเปลี่ยนแปลงนี้ซึ่งเป็นช่วงที่ความร้อนในปริมาณมากลงไปสะสมอยู่ใต้มหาสมุทร นั่นช่วยอธิบายได้ว่าทำไมจึงมีความร้อนบริเวณผิวหน้าของทะเลในระดับต่ำ
การศึกษาของศาสตราจารย์ Tung ค้นพบว่าความร้อนในปริมาณมากที่สะสมอยู่ในน้ำทะเลลึกใต้มหาสมุทรเคลื่อนตัวไปและกลับระหว่างขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้เหมือนสายพาน น้ำทะเลที่อุ่นจะมีความเค็มมากขึ้นเมื่อเคลื่อนตัวผ่านเขตกึ่งร้อนเพราะมีการระเหยของน้ำทะเลระดับผิวหน้ามากขึ้นกว่าปกติในบริเวณนี้ น้ำทะเลที่เค็มมากขึ้นจะมีน้ำหนักมากขึ้นและจมลงลึกใต้ทะเล ส่งผลให้น้ำทะเลระดับผิวหน้าและอากาศเหนือระดับทะเลเย็นตัวลง ศาสตราจารย์ Tung กล่าวว่านี่เป็นสาเหตุให้เกิดระยะเย็นตัวลงของอุณหภูมิโลกที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่าระดับอุณหภูมิของโลกจะเริ่มสูงขึ้นเมื่อวัฏจักรของน้ำทะเลเวียนไปอยู่ในช่วงอุ่นขึ้น
ศาสตราจารย์ Tung กล่าวปิดท้ายรายงานจากผู้สื่อข่าววีโอเอว่าระดับอุณหภูมิของน้ำทะเลที่อยู่ในระดับผิวหน้าของมหาสมุทรจะเพิ่มขึ้นไปสูงเท่ากับหรืออาจจะสูงกว่าระดับอุณหภูมิที่เคยประสบมาแล้วในช่วง 30 ปีสุดท้ายของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมา แต่ระดับอุณหภูมิจริงๆ ในช่วงเริ่มต้นในขณะนี้ถือเป็นระดับที่สูงที่สุด ดังนั้นน้ำทะเลจะร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งจะส่งผลให้ช่วงระยะการอุ่นตัวขึ้นของน้ำทะเลในรอบหน้าสร้างความเสียหายอย่างมาก