การเดินทางเป็นเวลาสี่วันนี้ เริ่มต้นในวันที่ 18 มีนาคม และประเทศที่ นาง Michelle Obama จะเยี่ยมเยือนคือญี่ปุ่นและกัมพูชา
สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐและประธานาธิบดี Barack Obama กล่าวไว้ในงานเปิดตัวโครงการ “Let Girls Learn” เมื่อต้นเดือนมีนาคมในกรุงวอชิงตันว่า การที่เด็กหญิงราวๆ 62 ล้านคนทั่วโลกไม่ได้รับการศึกษา ควรเป็นประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งของนโยบายต่างประเทศ
ประธานาธิบดี Obama กล่าวไว้ในงานเดียวกันนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐต้องการแสดงให้มิตรประเทศตระหนักว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ โดยให้เหตุผลว่า เมื่อเด็กหญิงได้รับการศึกษา มีความเป็นไปได้มากว่าจะชะลอการแต่งงาน และเมื่อมีบุตรจะเป็นเด็กที่มีสุขภาพดีและได้รับการเลี้ยงดูที่ดี ค่าจ้างแรงงานที่ได้รับก็จะสูงกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้รับการศึกษา ครอบครัวจะมีความมั่นคงและประเทศชาติเจริญก้าวหน้าได้ นอกจากนี้ สังคมที่ผู้หญิงและเด็กหญิงมีความเสมอภาค ยังมีแนวโน้มที่จะเป็นประชาธิปไตยมากกว่าด้วย
สำหรับการดำเนินงานของโครงการนั้น นาง Michelle Obama กล่าวว่า หน่วยสันติภาพสหรัฐอเมริกา หรือ Peace Corps จะมีบทบาทสำคัญ เพราะโครงการนี้จะอาศัยทักษะและพลังของอาสาสมัครของ Peace Corps เกือบ 7,000 คน ตามประเทศต่างๆ มากกว่า 60 ประเทศ ในการสนับสนุนโครงการชุมชนต่างๆ ที่จะช่วยให้เด็กหญิงได้เรียนหนังสือ โดยที่ชุมชนจะเป็นผู้คิดริเริ่มและเป็นผู้นำโครงการเหล่านั้นเอง
สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐกล่าวต่อไปว่า แม้ตัวเลขของปีค.ศ. 2012 จะชี้ให้เห็นว่าเด็กหญิงในประเทศกำลังพัฒนาได้รับการศึกษาในระดับประถมศึกษาในจำนวนใกล้เคียงกับเด็กชาย แต่ในระดับมัธยมศึกษาและที่สูงกว่านั้นช่องว่างยังมีอยู่ โดยเฉพาะในบริเวณที่ค่านิยมและประเพณีปฏิบัติทางวัฒนธรรมยังกำหนดและจำกัดอนาคตของผู้หญิงในสังคมนั้นๆ
ประเทศแรกที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐจะแวะเยือน คือญี่ปุ่น เหตุผลสำคัญคือหน่วยอาสาของญี่ปุ่น Overseas Cooperation Volunteers จะร่วมมือทำงานกับโครงการนี้ นอกจากนี้ ทั้งนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe และภริยาได้ให้ความสำคัญกับการศึกษามาเป็นเวลานานแล้วด้วย
ประเทศที่สองที่นาง Michelle Obama จะแวะเยือนคือกัมพูชา และเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายกิจการเอเชียของสภาความมั่นคงของสหรัฐ กล่าวว่า สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐจะพูดถึงความสำคัญของการมีระบบการเมืองที่เปิดรับผู้คนทุกกลุ่มและบทบาทของประชาสังคมในด้านธรรมาภิบาล
แต่นาย Phil Robertson รองผู้อำนวยการขององค์การ Human Rights ในเอเชีย กล่าวว่า กัมพูชายังมีงานต้องทำอีกมากในเรื่องการให้การศึกษาเด็กหญิง
เจ้าหน้าที่ขององค์การ Human Rights ผู้นี้กล่าวว่า ในรายงานขององค์การที่เผยแพร่ออกมาในสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่าแรงงานในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มของกัมพูชา ซึ่งกว่า 92 % เป็นผู้หญิงและเด็กหญิงนั้น ถูกเลือกปฏิบัติและก่อกวนรังแกในลักษณะต่างๆ รวมทั้งทางเพศตลอดเวลา นอกจากนี้ เมื่อเด็กหญิงเหล่านี้เริ่มเข้าโรงงานแล้ว จะไม่มีโอกาสกลับไปคิดถึงเรื่องการศึกษาอีกต่อไป
นอกจากกัมพูชาแล้ว ยังมีอีก 10 ประเทศในยุโรปตะวันออกและแอฟริกาที่เข้าร่วมโครงการ “Let Girls Learn”
สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐยังจะได้พบกับนาง Bun Rany ภริยาของนายกรัฐมนตรี Hun Sen ที่เมือง Siem Reap เยี่ยมชมการทำงานของอาสาสมัคร และนครวัด ก่อนจะเดินทางกลับกรุงวอชิงตัน