ลิ้งค์เชื่อมต่อ

เกาหลีเหนืออ้าง ‘นโยบายปรปักษ์’ ของสหรัฐฯ-ปัดปฏิเสธข้อเสนอเจรจา


In this photo provided by South Korean Defense Ministry, U.S. Air Force B-1B bombers, center, F-22 fighter jets and South Korean Air Force F-35 fighter jets, bottom, fly during a joint air drill in South Korea, Jan. 1, 2023.
In this photo provided by South Korean Defense Ministry, U.S. Air Force B-1B bombers, center, F-22 fighter jets and South Korean Air Force F-35 fighter jets, bottom, fly during a joint air drill in South Korea, Jan. 1, 2023.

เกาหลีเหนือออกมายืนยันปฏิเสธแนวคิดเรื่องการร่วมโต๊ะเจรจากับสหรัฐฯ พร้อมกล่าวหารัฐบาลกรุงวอชิงตันว่า กำลังเตรียม “การรุกรานเต็มรูปแบบ” อันจะเปลี่ยนคาบสมุทรเกาหลีให้กลายมาเป็น “พื้นที่ทำสงคราม” ด้วย

กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือโพสต์แถลงการณ์ล่าสุดในวันพฤหัสบดีผ่านสื่อรัฐที่มีระบุถึง “การกรีธาทัพเพื่อการเผชิญหน้าทางทหารและการกระทำที่เป็นข้าศึกอย่างบ้าบิ่นของสหรัฐฯ และกองทัพเรือของตน” และยังเตือนด้วยว่า “ยิ่งภัยคุกคามของสหรัฐฯ ต่อ DPRK (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี) อันตรายมากขึ้นเท่าใด แรงกระแทกสะท้อนกลับที่สหรัฐฯ จะต้องเผชิญก็จะยิ่งแรงขึ้น ตามสัดส่วนไป”

แถลงการณ์ของกรุงเปียงยางนี้มีออกมาเพียง 1 วันหลังสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ร่วมซ้อมรบทางอากาศโดยมีการนำเครื่องบินทิ้งระเบิดวิธีไกล B-1B และเครื่องบินขับไล่ล่องหน (stealth fighter) มาใช้ด้วย ในพื้นที่ทะเลเหลืองซึ่งอยู่นอกชายฝั่งตะวันตกของเกาหลี

กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุว่า การซ้อมรบนี้ “แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความสามารถของสหรัฐฯ ในการดำเนินการป้องปรามที่มีผลเป็นวงกว้างอันน่าเชื่อถือและแข็งแกร่งเพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านขีปนาวุธและนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือได้”

North Korean leader leader Kim Jong Un attends the 12th Meeting of the Political Bureau of the 8th Central Committee of the Workers' Party of Korea (WPK), in Pyongyang
North Korean leader leader Kim Jong Un attends the 12th Meeting of the Political Bureau of the 8th Central Committee of the Workers' Party of Korea (WPK), in Pyongyang

ทั้งนี้ สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ต่างกล่าวว่า การจัดแสดงความแข็งแกร่งทางทหารที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ เป็นการตอบโต้การยั่วยุของเกาหลีเหนือ

เมื่อปีที่แล้ว เกาหลีเหนือทำการทดสอบยิงขีปนาวุธอย่างน้อย 95 ลูก ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่ และขีปนาวุธบางลูกก็ทำให้ระบบเตือนภัยทางอากาศและระบบเตือนประชาชนให้เข้าไปอยู่ในที่หลบภัยของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นทำงานหลายครั้งด้วย

และในการกล่าวสุนทรพจน์ตอนสิ้นปีที่แล้ว คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ประกาศมั่นที่จะเพิ่มกำลังการผลิตหัวรบนิวเคลียร์อีกหลายเท่า โดยคำประกาศดังกล่าวทำให้เกาหลีใต้ซึ่งไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองและพึ่งพาอาวุธประเภทนี้จากสหรัฐฯ แสดงอาการวิตกกังวลออกมาทันที

แถลงการณ์ล่าสุดของเปียงยางยังวิพากษ์วิจารณ์การเดินทางเยือนกรุงโซลของ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และกล่าวหาว่า ออสติน “พูดจาอย่างไม่ลังเลเกี่ยวกับการใช้อาวุธนิวเคลียร์ (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี) ด้วย”

แถลงการณ์นี้ระบุว่า “นี่คือการแสดงออกอย่างชัดแจ้งของรูปการณ์อันตรายของสหรัฐฯ อันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนคาบสมุทรเกาหลีให้กลายมาเป็นคลังอาวุธสงครามขนาดใหญ่และพื้นที่รบที่มีความสำคัญยิ่งขึ้นด้วย”

ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือกล่าวหาสหรัฐฯ ว่า ดำเนิน “นโยบายปรปักษ์” มาตลอด และประกาศมั่นว่า ครั้งหน้าที่สหรัฐฯ ทำการใด ๆ กรุงเปียงยางจะโต้ตอบอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้สหรัฐฯ จะขยายกิจกรรมทางทหารของตนเข้าไปในภูมิภาคคาบสมุทรเกาหลีอย่างต่อเนื่อง กรุงวอชิงตันก็ยังเฝ้าเสนอให้เกาหลีเหนือกลับสู่โต๊ะเจรจาประเด็นการปลดอาวุธนิวเคลียร์อยู่ตลอด ทั้งยังเสนอความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเกี่ยวกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ให้ด้วย

แต่เกาหลีเหนือก็ปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐฯ มาโดยตลอด โดยเรียกท่าทีของกรุงวอชิงตันว่า เป็น ความพยายาม “อันน่าละอาย” เพื่อ “ซื้อเวลา”

กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือซึ่งกล่าวหากรุงวอชิงตันว่าพยายามดำเนินการเพียงฝ่ายเดียวที่จะปลดอาวุธตน กล่าวว่า “(สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี) ไม่สนใจที่จะติดต่อหรือหารือกับสหรัฐฯ ตราบใดที่ยังดำเนินนโยบายปรปักษ์และจัดแถวเผชิญหน้าอยู่”

  • ที่มา: วีโอเอ
XS
SM
MD
LG