เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้สองลูกลงไปตกในทะเลที่อยู่ใกล้เคียงในวันศุกร์ โดยการยิงทดสอบนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบสองสัปดาห์ และเกิดขึ้นหลังสหรัฐฯ ออกมาเตือนกรุงเปียงยางไม่ให้คิดใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการโจมตีผู้ใด มิฉะนั้น “นั่นจะนำไปสู่จุดจบของรัฐบาล(เปียงยาง)” ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี
ประธานคณะผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วมเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า กองทัพเกาหลีใต้ตรวจพบการทดสอบยิงขีปนาวุธ 2 ครั้งจากพื้นที่ทงชอน ซึ่งเป็นชายฝั่งด้านตะวันออกของเกาหลีเหนือ ในช่วงกลางวันของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยขีปนาวุธทั้งสองลูกบินเป็นระยะทางเท่ากันที่ 230 กิโลเมตร ที่ระดับความสูง 24 กิโลเมตร
พื้นที่ทงชอนนั้นอยู่ห่างจากแนวชายแดนระหว่างสองเกาหลีเป็นระยะทางราว 60 กิโลเมตร และอยู่ใกล้ฝั่งเกาหลีใต้มากกว่าจุดที่ใช้ทดสอบอาวุธรอบก่อน ๆ ซึ่งเกาหลีเหนือเคยใช้มาในปีนี้ด้วย
แถลงการณ์ของเกาหลีใต้ยังประณามการทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้อย่างรุนแรง ด้วยการระบุว่า เกาหลีเหนือ “ทำการยั่วยุอันร้ายแรง” ที่บ่อนทำลายสันติภาพในภูมิภาคและละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติที่สั่งห้ามเกาหลีเหนือไม่ให้ทำการใด ๆ เกี่ยวกับขีปนาวุธเป็นอันขาด
กองบัญชาการภูมิภาคอินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯ กล่าวว่า การยิงทดสอบครั้งล่าสุดนี้เน้นย้ำให้เห็นถึง “ผลกระทบที่สั่นคลอนเสถียรภาพ” ของโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์โดยเกาหลีเหนืออันผิดกฎหมาย ขณะที่ กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นเปิดเผยการตรวจพบการทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้เช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่กำลังวิเคราะห์ว่า ขีปนาวุธนั้นเป็นประเภทใดและมีวิถีการยิงอย่างไรอยู่
กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้กล่าวว่า คณะผู้แทนด้านนิวเคลียร์ของตนได้หารือทางโทรศัพท์กับฝ่ายสหรัฐฯ และญี่ปุ่น หลังมีรายงานการยิงทดสอบขีปนาวุธรอบล่าสุดนี้แล้ว และทั้งสามเห็นพ้องกันว่า ทั้งหมดต้องยกระดับความร่วมมือให้มากขึ้นในเรื่องของเกาหลีเหนือ พร้อมทั้งเรียกร้องให้กรุงเปียงยางยุติโครงการทดสอบอาวุธทั้งหมดและหันหน้ากลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาได้แล้ว
การยิงทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดของของเกาหลีเหนือมีขึ้นในวันสุดท้ายของการซ้อมรบประจำปีเป็นเวลา 12 วันของเกาหลีใต้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหารของสหรัฐฯ จำนวนหนึ่งเข้าร่วมด้วย ก่อนที่กองทัพอากาศของทั้งสองประเทศจะร่วมกันฝึกซ้อมรบครั้งใหญ่ภายใต้โครงการ Vigilant Storm เป็นเวลา 5 วันในสัปดาห์หน้า โดยเกาหลีใต้จะส่งเครื่องบินรบ 140 ลำเข้าร่วมฝึกซ้อมกับเครื่องบินรบราว 100 ลำของสหรัฐฯ ตามแถลงการณ์จากกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ที่มีออกมาในวันศุกร์
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือมองว่า การที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ร่วมซ้อมรบกันเป็นประจำนั้น คือ การเตรียมพร้อมโจมตีตน ขณะที่ พันธมิตรทั้งสองยืนยันว่า แผนงานดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมพร้อมการป้องกันตัวล้วน ๆ
นับตั้งแต่เดือนกันยายนของปีที่แล้ว เกาหลีเหนือทำการทดสอบขีปนาวุธของตนติดต่อกันมาหลายครั้ง โดยกรุงเปียงยางกล่าวว่า เป็นการจำลองการทดสอบระบบอาวุธนิวเคลียร์ของตนที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อโจมตีเป้าหมายในเกาหลีใต้และสหรัฐฯ พร้อมย้ำว่า โครงการทดสอบทั้งหมดของตนมีจุดประสงค์เพื่อให้เป็นคำเตือนต่อพันธมิตรทั้งสองที่มีการซ้อมรบทางทหารร่วมกันหลายต่อหลายครั้ง
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า เกาหลีเหนือถือโอกาสใช้โครงการซ้อมรบร่วมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ เป็นข้ออ้างในการทดสอบระบบอาวุธใหม่ พร้อม ๆ กับการยกระดับความสามารถด้านนิวเคลียร์ และเพิ่มแรงต่อรองของตนเพื่อการเผชิญหน้ากับกรุงวอชิงตันและกรุงโซลในอนาคต
เมื่อวันพฤหัสบดี เพนตากอนออกรายงานว่าด้วยยุทธศาสตร์การป้องกันแห่งชาติที่มีเนื้อหาระบุว่า การโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือต่อสหรัฐฯ หรือพันธมิตรและหุ้นส่วนใด ๆ ก็ตาม “จะนำไปสู่จุดจบของรัฐบาล(เกาหลีเหนือ)” และว่า “ไม่มีสถานการณ์ใดเลยที่รัฐบาลคิม (จอง อึน) จะได้ใช้อาวุธนิวเคลียร์และรอดชีวิตไปได้”
รายงานนี้ยังยืนยันด้วยว่า เพนตากอนจะเดินหน้ายังยั้งการโจมตีของเกาหลีเหนือผ่านวิธีการเดินหน้าเชิงรุก เช่น การยับยั้งโครงการนิวเคลียร์ แผนงานป้องกันการโจมตีด้วยขีปนาวุธและการโจมตีทางอากาศ และการประสานงานและการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับเกาหลีใต้
- ที่มา: เอพี