ส่งท้ายเดือนแห่งความรัก ด้วยภาพยนตร์ไซไฟกลิ่นอายรักหลอนซ่อนเงื่อนกับ The Invisible Man มนุษย์ล่องหน หนึ่งในภาพยนตร์มอนสเตอร์ในจักรวาล Dark Universe ที่ดันมาแพแตกจาก The Mummy ในยุคของทอม ครูซ ที่ทำรายได้บางเบากว่าทุนสร้างมหาศาล จนกลายเป็นว่าสุดท้ายฝันใหญ่ของ Universal Pictures ในการปลุกชีพหนังมอนสเตอร์รุ่นเก่า ต้องพับเสื่อเหลือเพียงหนังฟอร์มเล็กไปตามๆกัน และหวยก็มาตกที่ Blumhouse ทีมสร้างหนังโหดต้นทุนเบาๆ แต่คุ้มค่าคุ้มราคา
The Invisible Man หยิบไอเดียจากหนังสือในชื่อเดียวกันของ H. G. Wells และเคยเป็นภาพยนตร์ไซไฟแนวสยองขวัญมาแล้วเมื่อปี 1933 มาถ่ายทอดในมุมมองใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้น จากมุมมองของผู้กำกับ Leigh Whannell ที่เคยฝากฝีมือกับหนัง Saw ตัดต่อตาย และจักรวาล Insidious หนังผีตุ้งแช่แห่งฮอลลีวู้ดมาถึงสามภาค รับประกันความสะดุ้งป๊อบคอร์นกระจาย
The Invisible Man มนุษย์ล่องหน ในเวอร์ชั่นปี 2020 นี้ เล่าถึงซีซิเลีย แคส (รับบทโดย อลิซาเบธ มอสส์ จาก The Handmaid's Tale) หญิงสาวบ้านๆ ตัดสินใจหนีจากความสัมพันธ์เลวร้ายกับแฟนจอมโหด ซึ่งเป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์ที่ฉลาดล้ำแถมรวยล้นฟ้า ผ่านพ้นไปไม่นานนักซีซิเลียทราบข่าวว่าแฟนเก่าจอมบงการเสียชีวิตกะทันหัน พร้อมมอบมรดกให้เธอหลายล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยเรื่องราวประหลาดมากมายหลังการตายของแฟนเก่า ซีซิเลียเริ่มคิดว่าเธอกำลังถูกตามล่าโดยแฟนเก่าที่กลายเป็นมนุษย์ล่องหนได้อย่างใจ จนทุกคนคิดว่าเธอเพี้ยนและเสียสติ ทางเดียวที่จะไขความจริงได้คือการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าคนที่มองไม่เห็นไม่ใช่ไม่มีอยู่จริง
ความรู้สึกแรกหนังใช้การเดินกล้องแบบทิ้งช่องว่างเพื่อเปลี่ยนซีน การใช้เพลงประกอบน้อยแต่ต่อยหนัก เน้นเสียงในหนังที่ผลุบโผล่ๆ แบบตุ้งแช่ การสร้างบรรยากาศแห่งความอึดอัด หวาดกลัว ไม่น่าไว้วางใจ และลุ้นระทึกไปตลอดเวลา ชอบการตีโจทย์มนุษย์ล่องหนที่ดูร่วมสมัยและสมจริงมากในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวไกลไปมาก
ส่วนทีมนักแสดงทุกคนมีไม่มากแต่เล่นถึง ซึ่งส่วนใหญ่นักแสดงในเรื่องโด่งดังมาจากจอแก้วแต่พอมาถึงจอเงินก็จัดเต็มจัดหนักเกินค่าตัว โดยเฉพาะการแสดงของมอสส์ในเรื่องนี้ต้องแบกหนังทั้งเรื่อง โดดเด่นมากในการถ่ายทอดชีวิตของผู้หญิงที่เป็นเหยื่อของความสัมพันธ์จากแฟนที่ใช้ความรุนแรงและควบคุมเธอตลอดเวลา ดูกลัวดูหลอนระแวงไปทุกสิ่ง ส่วนจุดอ่อนที่สุดของหนังเห็นจะเป็นบทและตรรกะในการจู่โจมคนรอบตัวของนางเอกที่จนป่านนี้ก็ยังงงว่าอะไรมันจะขนาดนั้น และหนังหักมุมไปมาและสร้างเซอร์ไพรส์ให้ได้อ้าปากค้างอยู่หลายฉาก
มุมมองส่วนตัว The Invisible Man มนุษย์ล่องหน ในเวอร์ชั่นปี 2020 ถูกวางส่งท้ายเดือนแห่งความรัก จากการช่วยฉายภาพของความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ หรือ Toxic Relationship ในรูปแบบที่หลอนจนนาทีสุดท้าย ซึ่งหนังพยายามจะบอกว่าการหลีกหนีจากความสัมพันธ์แบบนี้ก็เป็นเรื่องยากเสียด้วย แต่อีกอย่างก็เป็นการตีโจทย์ใหม่ของมนุษย์ล่องหนว่านี่อาจเป็นเทคโนโลยีที่สามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาอันใกล้นี้
สรุปแล้วมนุษย์ล่องหนในเวอร์ชั่น 2020 แตกต่างจากหนังสือต้นฉบับและในรูปแบบหนังเมื่อช่วง 1933 อย่างสิ้นเชิง แต่เป็นการรีบู๊ทหนังไซไฟสยองขวัญในตำนานที่ออกมาดีเกินคาด จุดร่วมของบทประพันธ์และหนังทั้ง 2 เวอร์ชั่น คือ การถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ล่องหนคอนเซปต์ไซไฟตลอดกาลที่มนุษย์หลายคนใฝ่ฝันอยากจะเป็น และร่วมส่งสัญญาณเดียวกันก็คือ การได้มาด้วยอิสรภาพในการเป็นบุคคลล่องหนนั้น ต้องแลกมาด้วยบทเรียนราคาแพงกันทั้งสิ้น
(บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดยนีธิกาญจน์ กำลังวรรณ)