ช่วงนี้ยังเป็นเดือนกุมภาพันธ์ ที่ยังไม่มีหนังกุมใจได้สักที ล่าสุดได้มีโอกาสไปชม Fantasy Island หยิบเอาซีรีส์อเมริกาแนวดราม่าลึกลับในอดีต มาตีโจทย์ใหม่เป็นหนังสยองขวัญสั่นประสาทตามสไตล์ของค่าย Blumhouse หยิบนักแสดงระดับซีรีส์และหนังหวีดมาร่วมเดินเรื่องมากมาย ให้ได้ตามลุ้นกันว่าใครจะได้ไปต่อบนเกาะสวาทหาดสยองนี้กัน
Fantasy Island เล่าถึงหนุ่มสาวผู้โชคดี 5 คน ที่ได้เดินทางมายังเกาะกลางแปซิฟิก ที่มีคุณโร้ค ผู้ดูแลเกาะสุดลึกลับ คอยมอบชีวิตในฝันของทุกคนที่ได้มาเยือนเกาะแห่งนี้ให้เป็นจริงได้ ภายใต้กฎเหล็ก 2 อย่าง คือ แต่ละคนมีสิทธิ์ให้เกาะนี้เนรมิตคำขอได้แค่ 1 ครั้ง และอย่างที่ 2 คือทุกสิ่งที่ขอไว้จะสิ้นสุดลงตามกฎแห่งธรรมชาติ พร้อมคำเตือนสำคัญที่ว่า “โปรดระวังคำขอของคุณ” เพราะสิ่งที่หวังไว้อาจต้องแลกด้วยชีวิต
หนังแนวนี้ควรเป็นการปลดเปลื้องจินตนาการของผู้สร้างหนังและเขียนบท ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าความเป็น Fantasy Island เปิดพื้นที่ให้ได้สร้างสรรค์ความฝันของแต่ละตัวละครได้แบบไม่มีขีดจำกัด ทั้งฉากต่างๆ ที่ดูแฟนซีเหมือนหลุดออกไปในอีกจักรวาลใหม่ อีกด้านหนึ่งก็เป็นปัญหาในการอธิบายที่มาที่ไปและคำขอของแต่ละตัวละคร ซึ่งต้องพึ่งบทที่กระชับฉับไวเข้าใจง่าย และนักแสดงที่น้อยแต่ต้องสามารถดึงคนดูให้ตามลุ้นไปได้ทั้งเรื่อง
ปรากฏว่าหนัง Fantasy Island กลับไม่ดึงดูดให้เราติดตามได้เลย ด้วยนักแสดงฝ่ายหญิงที่ดูมีประสบการณ์ พยายามอย่างเต็มที่ในการดึงดราม่าชวนลุ้นชวนระทึกได้อยู่บ้าง ส่วนดาราชายที่ภาวนาให้เป็นความหวังของเรื่องอย่าง ไมเคิล พีนา จาก Ant-Man และ ไมเคิล รูเกอร์ คุณพ่อยอนดู จาก Guardians of the Galaxy ก็ต้องผิดหวังกับบทที่เบาหวิวไม่มีที่มาที่ไป รีบฉุดกระชากลากถูกคนดูไปแบบงงๆ ก่อนที่ช่วงท้ายจะพยายามพลิกหักมุมแล้วหักมุมอีกให้ได้หันมางงกันอีก
นี่ถือเป็นช่วงเวลาชั่วโมงกว่าๆ ที่ทรมาน ไม่มีความสยองขวัญสั่นประสาทที่คาดหวังจะได้ปิดตาทั้งเรื่อง ซึ่งหลังจากได้ชมแล้วกลับมาดูคะแนนของนักวิจารณ์หนังก็ไม่มีใครปรานีให้หนังเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน จากคะแนนมะเขือเน่าที่ต่ำกว่า 10% และกูรูหนังพากันสับเละไม่มีชิ้นดี แต่ในแง่รายได้ถือว่าคุ้มทุนสร้าง 7 ล้านดอลลาร์ไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้าฉาย จากการเอาใจฐานแฟนหนังหวีด แต่สำหรับผู้ที่ไม่ชื่นชอบหนังชวนสะดุ้งตุ้งแช่ก็ต้องขอไปพักใจจากหนังแนวนี้อีกนาน
(บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดยนีธิกาญจน์ กำลังวรรณ)