เข้าสู่ช่วงสัปดาห์วันแห่งความรัก หัวใจที่แห้งเหี่ยวจากความผิดหวังของหนังโรแมนติกช่วงวาเลนไทน์ที่ยังไม่เจอหนังที่โดนใจคอหนังรักสักที มาปีนี้เรามีหนึ่งภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดรีเมค Downhill อิงจากหนังดาร์กคอมาดีฟอร์มเล็กจากสวีเดน Force Majeure ที่ไปคว้ารางวัลในเมืองคานส์ จึงถือเป็นมาตรฐานค่อนข้างสูงพอสมควร Downhill ได้ 2 นักแสดงตลกชื่อดังอย่าง Will Ferrell และเจ้าแม่ซิทคอม Julia Louis-Dreyfus มารับบทนำในเรื่องนี้
Downhill เล่าถึงคู่สามีภรรยา พีท และ บิลลี่ พาครอบครัวมาเที่ยวสกีรีสอร์ทบนเทือกเขาแอลป์ในยุโรป แต่แล้วทริปสุขสันต์กลับกลายเป็นหายนะ เมื่อมีอุบัติเหตุหิมะถล่มที่รีสอร์ทของพวกเขา แม้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ด้วยความตกใจสุดขีด พีทกลับคว้ามือถือแล้ววิ่งหนีจากครอบครัวไป ทิ้งบิลลี่และลูกชายทั้ง 2 ให้เผชิญกับหิมะถล่มโดยลำพัง และเหตุการณ์นี้ได้สร้างบาดแผลในจิตใจระหว่างบิลลี่และพีทที่ยากเกินเยียวยา
ในเรื่องพีท กลายเป็นพ่อที่ค่อนข้างทำตัวเหมือนเด็ก ยังยึดติดกับความเจ็บปวดหลังจากสูญเสียพ่อไปได้เกือบปี และมีนิสัยเสพติดสมาร์ทโฟมงอมแงม รวมทั้งยังเป็นคนขี้อิจฉาผู้คนบนโลกโซเชียลอย่างมาก จุดนี้ Will Ferrell ตีบทแตกกระจุย โดยเฉพาะซีนที่เป็นจุดเริ่มต้นของหนัง ส่วนที่เหลือเหมือนจะหลุดไปอยู่ในโลกของตัวเองไปหน่อย
ขณะที่ Julia Louis-Dreyfus ในบทบิลลี่ สะท้อนบทคุณแม่อเมริกันในครอบครัวฐานะปานกลางที่เป็นบทถนัดของเธอ และสะท้อนความรู้สึกของผู้หญิงที่เคยมีอิสระในทุกสิ่งทุกอย่าง ก่อนที่จะอุทิศทั้งชีวิตให้ครอบครัวได้ดี บวกกับนักแสดงสมบทอื่นๆที่เข้ามากล้อมแกล้มในเรื่องให้สนุกสนานมีอรรถรสดี
หนังได้เริ่มต้นด้วยจุดที่ว่า “ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราจะทำอย่างไร?” และเริ่มพาไปดูการแก้ปัญหาและฝ่าฟันอุปสรรคของพีทและบิลลี่ คู่รักที่แต่งงานกันมานาน และมีคู่รักหนุ่มสาวที่ผลุบๆโผล่ๆมาจับพีทและบิลลี่แยกกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง เพื่อให้มีโมเมนต์ในการเป็นอิสระจากชีวิตคู่ดูบ้าง
โดยรวมแล้ว Downhill เป็นหนังที่ไม่สุดสักทาง จะเป็นคอมาดี้ก็ไม่ใช่ จะดราม่าก็ไม่ถึง ถือเป็นอีกเรื่องที่อยู่ในโผหนังรีเมคแบบฮอลลีวู้ดที่ไม่ค่อยถึงพริกถึงขิง และไม่มีหมัดฮุกที่ทำให้คนดูจุกกันไปข้างหนึ่ง โดยรวมเป็นหนังที่พอดูกล้อมแกล้มบนเครื่องบินได้ แต่ไม่แนะนำให้ดูถ้าคิดว่าจะเป็นการเปิดประเด็นสนทนากับคู่รักในช่วงนี้
(วิจารณ์ภาพยนตร์โดยนีธิกาญจน์ กำลังวรรณ)