นานๆ ทีจะมีหนังสงครามที่พาคุณดำดิ่งลงไปใต้ทะเลลึก ถ้าให้นึกย้อนไปก็คงเป็นเรื่อง Crimson Tide เมื่อปี 1995 ที่มีเดนเซล วอชิงตัน กับจีน แฮกแมน นำแสดง และหนังในตำนานอย่าง The Hunt for Red October ของฌอน คอนเนอรี แต่เรื่อง Hunter Killer ถือเป็นหนังสงครามการเมืองอีกเรื่องที่ใช้พลอตพญาอินทรีย์ปะทะหมีขาว ซึ่งจะเห็นได้บ่อยในช่วงนี้ เพิ่มความน่าดูด้วย แกรี โอลด์แมน เจ้าของรางวัลออสการ์คนล่าสุด กับเจอราด บัตเลอร์ ที่ถูกโฉลกกับหนังสงครามการเมืองซะเหลือใจ
Hunter Killer ดัดแปลงจากหนังสือ Firing Point ของ จอร์จ วอลเลซ อดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ยูเอสเอส ฮิวส์ตัน ที่เคยใช้ชีวิตในฐานะกัปตันเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์เวอร์จิเนีย คลาส เล่าเรื่องภารกิจของกัปตันเรือดำน้ำเอสเอส อาร์คันซอ ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่แหวกว่ายไปในท้องทะเลลึก ก่อนจะพบการก่อรัฐประหารในรัสเซีย ร้อนถึงเพนตากอนที่มอบโจทย์ยากให้เขาไปช่วงชิงตัวประธานาธิบดีให้รอดพ้นจากกองทัพหมีขาวที่แปรพักตร์ โดยไม่ให้เหตุการณ์บานปลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3
เรื่องนี้ได้ใบบุญของพลอตเรื่องเวอร์วังอลังการแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ขนมาทั้งบนบกใต้น้ำและอาวุธในภาคสนามที่ดูสมจริงสมจัง หน่วยซีลนั้นดูเท่ห์ระเบิดเถิดเทิง เพราะได้ความร่วมมือจากกองทัพสหรัฐฯ ในการให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อความสมจริงของภาพยนตร์ บรรยากาศในเรือดำน้ำนั้น ให้ความกดดันแบบบีบหัวใจในหลายซีน
แต่ตัวบทนั้นดำดิ่งลงใต้ทะเลลึก ขาดความหักเหลี่ยมเฉือนคมที่สาวกหนังสงครามการเมืองถวิลหา โดยเฉพาะการให้พญาอินทรีย์ไปญาติดีกับหมีขาว ซึ่งแหวกม่านประเพณีของภาพยนตร์สงครามการเมืองไปแบบอ้าปากค้างเลยทีเดียว
สรุปแล้ว Hunter Killer เหมาะสำหรับคนที่โหยหาหนังสงคราม ซึ่งแนะนำให้ชมเพื่อความบันเทิง แต่ไม่ได้คลาสสิกขึ้นหิ้งเหมือนกับ 2 ภาพยนตร์ที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้า แต่ถือว่าพอแก้ขัดได้
(รับฟังวีโอเอไทยคุยหนัง Hunter Killer จากรายการสุดสัปดาห์กับวีโอเอ)