ภาพยนตร์ระทึกขวัญปนตลกร้าย Bad Times at the El Royale ดึงดูดคนดูด้วยนักแสดงชั้นนำอย่าง ดาโกต้า จอห์นสัน, จอน แฮมม์, เจฟฟ์ บริดเจส และกล้ามท้องของคริส เฮมส์เวิร์ธ พ่อหนุ่มเทพเจ้าสายฟ้าที่ต้องเอาดีกับภาพยนตร์แนวอื่นบ้าง เป็นอีกเรื่องที่เหมาะกับเดือนฮาโลวีนเหลือใจ
Bad Times at the El Royale เล่าถึงคนแปลกหน้า 7 คน ที่ต้องเช็คอินในโรงแรม El Royale อันซอมซ่อริมทะเลสาปทาโฮ บนทำเลเส้นแบ่งระหว่างแคลิฟอร์เนียและเนวาดา ซึ่งมีพนักงานต้อนรับของโรงแรมผู้กุมความลับทุกอย่างของโรงแรมลึกลับนี้ ก่อนที่การเข้าพักใน El Royale จะกลายเป็นค่ำคืนหฤโหดของทุกคน
ส่วนตัวชื่นชอบองค์ประกอบของหนัง ทั้งฉาก แสงสีฉูดฉาด และบทเพลงจากแผ่นเสียงไพเราะติดหู ขณะที่เนื้อหาตามแบบฉบับภาพยนตร์ทริลเลอร์ แต่เพิ่มลีลาการวางเส้นเรื่องของแต่ละคนเข้าไปให้รู้จักตัวละครทีละคนๆ
แต่ด้วยการดำเนินเรื่องที่เอื่อยไปมาก ก่อนจะกระชากด้วยฉากสังหารแบบเซอร์ไพรส์ไม่สนค่าตัวนักแสดง ทำให้ลุ้นระทึกเป็นช่วงๆได้อยู่เหมือนกัน ส่วนมุกตลกแบบดาร์กๆ ก็ทำให้ขำปนสะอิดสะเอียนอยู่บ้าง แต่อยู่ในจุดที่พอให้อภัยได้
ไล่เรียงนักแสดงแต่ละคนแล้ว หนังค่อนข้างหนักความดราม่าและมืดมนของพนักงานโรงแรม บาทหลวงกำมะลอ และนักร้องคอรัสสาวผิวสี ซึ่งทั้ง 3 ทำได้ดีทีเดียว เรียกว่าเล่นกันอยู่ 3 คนก็เอาอยู่
ส่วนสาวดาโกต้ายังเล่นบทสาวใต้จอมดิบได้ไม่เด่นชัดนัก ขณะที่ จอห์น แฮมม์ จากซีรีส์ดัง Mad Men และพ่อหนุ่มธอร์ คริส เฮมส์เวิร์ธ กลับไม่ได้รับการให้บทย้อนหลังอะไรมากมาย แต่เน้นการเล่นใหญ่ไฟกระพริบก็พอตรึงตราคนดูได้อยู่
เรื่องนี้ถ้าไม่ย้อนไปถึงยุค 60 ก็มีกลิ่นอายของความเป็นหนังสะท้อนด้านมืดของสังคมแบบฟิล์มนัวร์อยู่บ้างเล็กน้อย จากการใส่ความเป็นกรอบที่ทุกคนถูกจับตาโดย "พวกเขา" และเป็นอีกภาพยนตร์สำหรับคอหนังทริลเลอร์ปนตลกแบบดาร์กๆ ไม่ควรพลาด
โดยสรุปแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ให้แง่คิดที่ชัดเจนอยู่เรื่องหนึ่ง ก็คือ ไม่ว่าคุณจะเคยมีเรื่องราวเลวร้ายในอดีตมาก่อนมากแค่ไหน เรามีสิทธิ์ที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้
(บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย นีธิกาญจน์ กำลังวรรณ)
(รับฟังวีโอเอไทยคุยหนังเรื่องนี้จากรายการสุดสัปดาห์กับวีโอเอ)