ปล่อยเพลง Into the Unknown และตัวอย่างมาให้หัวใจเต้นรัว กับการกลับมาอีกครั้งในรอบ 6 ปี ของคาแรกเตอร์ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ทำเนียบเจ้าหญิงดิสนีย์ได้แก่ สองศรีพี่น้องเอลซ่าและอันนา จาก Frozen ที่ได้ทีมนักแสดงและทีมสร้างชุดเดิม แต่เพิ่มเติมคือการต่อยอดจากภาคก่อนแบบไร้ต้นฉบับข้างเคียง ใน Frozen 2 หรือในชื่อไทย ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ
Frozen 2 เล่าถึงเอลซ่า ราชินีแห่งอาณาจักรแอเรนเดลล์ ที่ปกครองบ้านเมืองร่วมกับน้องสาวที่รัก เจ้าหญิงอันนามาได้ร่วม 6 ปี จู่ๆเธอกลับเสียงเรียกจากดินแดนห่างไกลรบกวนจิตใจของเธอ ทำให้เธอต้องออกเดินทางสู่ผืนป่าอันกว้างใหญ่ เพื่อหาคำตอบว่า "ทำไมเธอถึงได้เกิดมาพร้อมกับพลังวิเศษ?" และครั้งนี้เจ้าหญิงอันนา โอลาฟ คริสตอฟ และสเฟน ร่วมผจญภัยกับเอลซ่าไปด้วยกัน
สเน่ห์ของความเป็นดิสนีย์ที่แสนประทับใจในครั้งวัยเด็ก คือ การกลับไปดูซ้ำแล้วทำให้เรามองภาพตัวละครและการ์ตูนต่างๆของค่ายที่แตกต่างออกไปในช่วงอายุที่เราเติบโตขึ้นมา และในเรื่องนี้พาเราไปเห็นการเติบโตของตัวละครสำคัญในเรื่อง อันได้แก่ เอลซ่า ที่กลายเป็นราชินีแห่งอาณาจักรแอเรนเดลล์ ที่ต้องรับบทบาทอันใหญ่หลวง แต่ภายในจิตใจก็ยังคิดว่าอาณาจักรนี้ไม่ใช่ของตัวเองอยู่ดี
ส่วนอันนาน้องสาวก็ยังคงเป็นเจ้าหญิงแก่นแก้วที่สร้างความสดใสให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เสมอ ขณะที่โอลาฟ คริสตอฟ และสเฟน ยังคงสร้างสีสันให้กับภาพยนตร์ได้ดี มีคิวรับ-ส่งที่ลื่นไหลดูเพลิน และย้ำว่าภาคนี้แฟนเซอร์วิสให้ทุกตัวละครหลักมีซีนของตัวเองแบบเน้นๆด้วย
สำหรับตัวเรื่องในภาคแรกนั้นจะเน้นที่มาที่ไปของเอลซาและอันนา และการเปิดประตูหัวใจของสองพี่น้องที่ห่างเหินกันไปตั้งแต่เด็ก การเรียนรู้ชีวิตภายนอกพระราชวังของ 2 เจ้าหญิง จึงเน้นความดราม่าเค้นอารมณ์ที่บางครั้งก็อาจจะดูเนิบไปบ้าง
แต่ในภาค 2 นี้เน้นการผจญภัยของเอลซ่าและแอนนา และการตอบข้อสงสัยถึงที่มาที่ไปของพลังพิเศษของเอลซ่า ซึ่งในส่วนตัวคิดว่าเหมือนจะคลี่คลายมาบ้าง แต่ไม่ยังถึงกับคลายปมทั้งหมด และเชื่อได้ว่าหากกระแสของภาค 2 ดีตามคาด เราก็จะได้เห็นราชินีน้ำแข็งในภาคต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย
สิ่งที่ชื่นชอบมากๆในเรื่องนี้ คือ ความอลังการงานสร้างของฉากที่ดูสมจริงเป็นธรรมชาติ คือไม่โลกสวยจ๋า มีฟ้ามืดมน ซึ่งมีความเรียลกว่าในภาคแรกในความเห็นส่วนตัว และเชื่อว่าสำหรับน้องๆหนูก็จะร้องว้าว แต่พ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะต้องร้องไห้เบาๆ เพราะต้องชุดเอลซ่าใหม่ที่เปลี่ยนชุดเร็วเหลือใจแล้วสวยเริ่ดทุกชุด และอีกอย่างคือบทเพลง มีความหลากหลายแนวและเพราะทุกเพลง แต่อาจจะไม่ติดหูเท่า Let It Go ที่คว้ารางวัลออสการ์มาได้เมื่อ 6 ปีก่อน
Takeaway ของเรื่องนี้ คือ คำพูดที่มีในเรื่องบ่อยๆ คือ Do the next right thing ที่ไม่ว่าชีวิตจะยากลำบากหรือเปลี่ยนแปลงแค่ไหน ก็ขอให้ใจเย็น ทำทุกอย่างแบบค่อยเป็นค่อยไป ก้าวทีละก้าว และเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไป และอีกอย่างในเรื่องที่เป็นหัวใจหลักของ Frozen คือการรู้จักและยอมรับตัวเองในแบบที่เป็น
สรุปแล้ว Frozen 2 เป็นหนังที่ไม่ควรพลาดสำหรับแฟนๆราชินีเอลซา และควรมีพื้นฐานการชมในภาคแรกมาก่อนเพื่อความเข้าใจและอรรถรสในหนังที่ใส่สปอยภาคแรกมาแบบไม่ยั้ง เด็กดูได้และผู้ใหญ่ก็ดูสนุกด้วย
(บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดยนีธิกาญจน์ กำลังวรรณ)