ลิ้งค์เชื่อมต่อ

วิเคราะห์สถานการณ์รัฐบาลทหารเมียนมา กับการดิ้นรนรักษาอำนาจปกครองประเทศ


ภาพทหาร ของกองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ออกตระเวนเมืยงเมียวดี ที่อยู่ภายใต้การปกครองของกองกำลังฝ่ายต่อต้านของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) เมื่อ 15 เม.ย. 2567 (Reuters)
ภาพทหาร ของกองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ออกตระเวนเมืยงเมียวดี ที่อยู่ภายใต้การปกครองของกองกำลังฝ่ายต่อต้านของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) เมื่อ 15 เม.ย. 2567 (Reuters)

การเผชิญหน้าระหว่างทหารและกองกำลังของสมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหลายของเมียนมาในเวลานี้อาจเริ่มต้นขึ้นจากความพยายามของกองทัพในการประกาศศักดาความแข็งแกร่งในการควบคุมพื้นที่แนวชายแดนของประเทศ แต่ปัจจุบัน รัฐบาลทหารกลับตกอยู่ในสภาพที่ต้องกระเสือกกระสนเอาตัวให้รอดให้ได้ หลังถูกกองกำลังฝ่ายต่อต้านตีพ่ายไปในหลายสนามรบจนทำให้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า อนาคตของรัฐบาลทหารเมียนมาเริ่มมืดมนลงเรื่อย ๆ แล้ว

แซคคารี อาบูซา นักวิเคราะห์ด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จาก National War College ในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า ผู้นำกองทัพเมียนมานั้น “กำลังปฏิเสธความจริงอันโหดร้าย” เกี่ยวกับสิ่งที่ได้ทำกับประเทศของตนไปอยู่ และว่า “เศรษฐกิจก็พังทลายลงไปแล้ว ... การสู้รบก็พ่ายแพ้ไปแล้วหลายครั้ง และเมืองต่าง ๆ ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ความรุนแรงที่ยกระดับขึ้นเรื่อย ๆ... มีการใช้โดรนโจมตีเมืองหลวง บรรดานายพลก็ถูกรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) และเหล่าพันธมิตรทำให้ฉุนไม่หยุดหย่อน”

ผู้เฝ้าสังเกตการณ์ให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าวเรดิโอฟรีเอเชีย ภาคภาษาพม่า ว่า หลังพ่ายแพ้และเสียเมืองตามแนวชายแดนต่าง ๆ ให้กับกองกำลังฝ่ายต่อต้าน กองทัพเมียนมาอยู่ในภาวะขาดแคลนทหารอย่างหนัก จนต้องประกาศเกณฑ์ทหารให้ได้ 50,000 นายภายในปลายปีนี้เพื่อหวังจะได้โต้คืนกลับ

หนึ่งในพื้นที่ที่กองทัพเมียนมาเสียให้กับฝ่ายต่อต้านคือ รัฐยะไข่ ที่ซึ่งกองทัพอาระกันสามารถยึด 8 เมืองจากทั้งหมด 17 เมืองในรัฐนี้และเมือง 1 แห่งในรัฐชินที่อยู่ติดกัน หลังการสิ้นสุดของข้อตกลงหยุดยิงกับกองทัพเมื่อ 13 พฤศจิกายนของปีที่แล้ว

พันโทหญิงมิมี วินน์ เบิร์ด ที่เกษียณจากกองทัพสหรัฐฯ แล้วแต่ยังทำงานด้านกิจการเมียนมาอยู่ กล่าวว่า สถานการณ์ในรัฐยะไข่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลทหารอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบและเสี่ยงที่จะแพ้อยู่ ขณะที่ เจสัน ทาวเวอร์ ผู้อำนวยการด้านเมียนมาของ Institute of Peace ในกรุงวอชิงตัน ให้ทัศนะว่า ปัญหาการขาดแคลนกำลังพลได้กลายมาเป็นความกังวลด้านการมีตัวตนอยู่ของรัฐบาลทหารเมียนมาไปแล้ว และว่า “จำนวนทหารที่สูญเสียไปนั้นสูงเกินกว่าจำนวนที่จะเข้ามาเติมภายใต้กฎหมายการเกณฑ์ทหารอย่างมาก และเพราะทหารใหม่คือ กลุ่มที่ถูกบีบให้มาสู้รบ เป็นไปได้ที่พวกเขาจะเลือกยอมแพ้หรือละทิ้งหน้าที่เมื่อเดินทางถึงสนามรบแล้ว”

Map showing 52 towns under control by opposition groups in Myanmar
Map showing 52 towns under control by opposition groups in Myanmar

ความร่วมมือของฝ่ายต่อต้าน

เมื่อวันที่ 10 เมษายน กองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง (KNLA) และพันธมิตรสามารถยึดพื้นที่ตั้งของกองพันทหารราบ 275 ของกองทัพเมียนมาในเมืองเมียวดีซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดนติดกับอำเภอแม่สอดของไทยที่มีสินค้าผ่านเข้า-ออกปีละราว 1,000 ล้านดอลลาร์ไปได้ ก่อนฝ่ายกองทัพจะโต้กลับสำเร็จและยึดคืนฐานที่มั่นดังกล่าวมาได้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ KNLA ก็ยังคงควบคุมค่ายและฐานทัพทหารหลายจุดในเมืองนี้ได้อยู่

ส่วนที่รัฐคะฉิ่นทางตอนเหนือของประเทศ กองกำลังปลดปล่อยชาวคะฉิ่น (KIA) ทำการโจมตีเข้าใส่กองทัพเมียนมาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมจนต้องล่าถอยอย่างต่อเนื่องและฝ่ายต่อต้านนี้สามารถยึดค่ายทหารมาได้กว่า 60 แห่ง ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สารสนเทศของ KIA

และที่รัฐฉาน ทางใต้ของประเทศ กลุ่มพันธมิตรสามภารดร (Three Brotherhood Alliance) ถล่มกองทัพเมียนมาจนพ่ายไปหลายต่อครั้งตั้งแต่เดือนตุลาคม จนสามารถยึดเมืองและหมู่บ้าน 32 แห่งมาได้

นอกจากนั้น กองทัพกะเหรี่ยงและพันธมิตรกลุ่มชาติพันธุ์ทำการโจมตีเข้าใส่เมืองหลายแห่งในรัฐกะยา ซึ่งรวมถึงพื้นที่ติดกับชายแดนไทย ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา จนยึดเมืองหลายแห่งและพื้นที่ราว 80% ของเมืองหลอยก่อ เมืองหลวงของรัฐนี้ได้

ไซ จี ซิน โซ นักวิเคราะห์ข่าวการเมืองและการทหาร ระบุว่า กองกำลังต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาที่ประกอบด้วยกองทัพของกลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่ม ร่วมกับกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลเงา NUG น่าจะกำลังมุ่งหาทางยึดพื้นที่ตามแนวชายแดนของประเทศเพื่อควบคุมภาวะการค้าของเมียนมาให้อยู่ในมือของตน

ปัญหาและการดิ้นรนของกองทัพเมียนมา

ในขณะที่ กองทัพเมียนมายังคงอำนาจในแคว้นมัณฑะเลย์ มาเกวและสะกาย ในภาคกลางของประเทศไว้ได้อยู่ คำถามสำคัญคือ รัฐบาลทหารจะทำเช่นนี้ต่อไปได้อีกนานเพียงใด โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลชุดนี้ไร้ซึ่งความสามารถที่จะเป็นผู้นำทั้งทางทหารและทางการเมืองแล้ว

เจ้าหน้าที่กองทัพเมียนมารายหนึ่งที่เกษียณราชการไปแล้ว บอกกับผู้สื่อข่าวโดยไม่ขอเปิดเผยตัวตนว่า ความล้มเหลวของรัฐบาลทหารที่จะเอาชนะในสนามรบ เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย และบรรดานายพลทั้งหลาย

ภาพของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพเมียนมา ในวันกองทัพชาติ เมื่อ 27 มี.ค. 2567
ภาพของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพเมียนมา ในวันกองทัพชาติ เมื่อ 27 มี.ค. 2567

แหล่งข่าวรายนี้ยังกล่าวด้วยว่า “ประเด็นสำคัญที่ต้องมีการจัดการแก้ไข เช่น เรื่องการจัดวางกำลังทหาร ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่มีการลงมือสะสาง ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่า (กองทัพ) จะยังไม่มีการจัดเตรียมการรับมือและการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์เลย” โดยเขาบอกด้วยว่า ไม่เคยเห็นปัญหาการจัดการบริหาร [ที่ย่ำแย่] แบบนี้มาก่อน ในประวัติศาสตร์กองทัพเมียนมา

แซคคารี อาบูซา นักวิเคราะห์ด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จาก National War College ให้ความเห็นด้วยว่า เมื่อสถานการณ์ของรัฐบาลทหารยิ่งดูสิ้นหวังขึ้นเรื่อย ๆ บรรดาผู้นำกองทัพก็จะยิ่ง “ทำการต่าง ๆ ที่ไร้สติแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวมากขึ้นไปอีก”

เขายังกล่าวด้วยว่า “ท่ามกลางสภาพการณ์ยุ่งเหยิงเช่นนี้ บางที ชัยชนะที่สำคัญที่สุด [สำหรับฝ่ายต่อต้าน] อาจกำลังก่อตัวขึ้นในความวุ่นวาย(ของกองทัพ)อยู่ ก็เป็นได้”

ผลกระทบความพยายามช่วยเมียนมา หลังการลาออกของรมว.ตปท.ไทย

ผลกระทบของการลาออกจากตำแหน่งของนายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรองนายกรัฐมนตรีของไทยต่อความพยายามแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้งในเมียนมาเป็นอีกประเด็นที่มีการพูดถึง

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ลลิตา หาญวงษ์ จากภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บอกกับผู้สื่อข่าว วีโอเอ ภาคภาษาพม่า ว่า มีกระแสข่าวว่า นายปานปรีย์ลาออกจากตำแหน่งเพราะประเด็นเมียนมาเป็นเรื่องที่ยากและมีความท้าทายมากเกินไป แต่ส่วนตัวแล้ว ตนเองไม่เชื่อเรื่องนี้

อย่างไรก็ดี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ลลิตา กล่าวว่า การเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยไม่น่าจะมีผลกระทบต่อกระบวนการสร้างสันติในเมียนมาของฝ่ายไทยนัก เพราะยังมีผู้ร่วมดูและเรื่องนี้อยู่หลายคน เช่น นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสินและตัวแทนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพไทยและสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ เป็นต้น ดังนั้น การก้าวลงจากตำแหน่งของนายปานปรีย์ซึ่งทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา ก็จะเพียงหมายถึงการรอรัฐมนตรีต่างประเทศไทยคนใหม่มารับหน้าที่ต่อเท่านั้น

  • ที่มา: สำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชีย (RFA)

กระดานความเห็น

XS
SM
MD
LG