โรคเบาหวานในผู้ใหญ่ หรือ Diabetes Type ll เป็นปัญหาทั่วโลก และกำลังแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในเกือบทุกประเทศ โดยเฉพาะเม็กซิโก
ศาสตราจารย์ Kirsten Bibbins-Domingo ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตแซน แฟรนซิสโก บอกว่า เม็กซิโกมีปัญหาเรื่องเบาหวานมากเป็นพิเศษ โดยมีอัตราผู้เป็นโรคนี้สูงที่สุดในทวีปอเมริกา และยังเป็นประเทศที่บริโภคเครื่องดื่มที่มีความหวานสูงที่สุดในโลกด้วย
เมื่อเกือบสองปีที่แล้ว รัฐบาลเม็กซิโกเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องดื่มประเภทนี้ 10% โดยหวังว่าจะกระตุ้นให้ประชาชนหันไปบริโภคเครื่องดื่มอื่นๆ แทนที่ เพื่อแก้ปัญหาอ้วนเกินขนาดและโรคเบาหวาน
และเท่าที่ปรากฏ การซื้อเครื่องดื่มชนิดนี้ลดลงแล้ว 12%!
อาจารย์ Kirsten บอกว่าถ้าสามารถคงระดับนี้ไว้ได้ในช่วง 10 ปีข้างหน้า จะลดจำนวนผู้ป่วยเป็นเบาหวานได้ราวๆ 200,000 ราย และประมาณว่าเป็นการประหยัดเงินค่าใช้จ่ายที่จะต้องดูแลรักษาผู้ป่วยเหล่านั้นราวๆ 1 พันล้านดอลลาร์
ผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นที่เผยแพร่ออกมา ระบุว่า การลดการบริโภคเครื่องดื่มรสหวานช่วยปรับปรุงสุขภาพได้ โดยเฉพาะโรคเบาหวานประเภทที่สอง ซึ่งเมื่อเป็นแล้วทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ นำไปสู่โรคหัวใจ อาจต้องตัดอวัยวะ ตาพิการ มีอาการปวดประสาท และอื่นๆอีกมาก
แต่การเปลี่ยนลักษณะการดำรงชีวิต เช่น การออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จะสามารถปรับปรุงสุขภาพผู้ป่วยได้อย่างมาก
ปัญหาก็คือการเพิ่มภาษีอย่างที่เม็กซิโกทำไปนั้น ทำไม่ได้ง่ายๆ ในที่อื่นๆ
เมื่อสองสามปีที่แล้ว นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กต้องการจำกัดขนาดถ้วยน้ำอัดลมเพื่อทำให้บริโภคน้ำอัดลมน้อยลง ปรากฏว่าถูกวิพากษ์ตำหนิอย่างรุนแรง และไม่ได้นำมาตรการดังกล่าวออกใช้
เวลานี้วัยรุ่นในอเมริกามีอาการที่เรียกว่า "อาการก่อนเป็นเบาหวาน" ในอัตราหนึ่งคนในทุกๆ ห้าคน เพิ่มจากหนึ่งคนในทุกๆ 11 คน
อาจารย์ Kirsten บอกว่าแม้จะเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละคน แต่สังคมต้องรับผิดชอบในเรื่องสภาพแวดล้อม รวมทั้งอาหารที่เด็กวัยรุ่นในอเมริการับประทาน ซึ่งเป็นอาหารที่ผ่านการแปรรูปสูง มีน้ำตาลสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่ป้องกันได้ทั้งนั้น
รายงานขององค์การอนามัยโลกกล่าวว่า ผู้คนในหลายประเทศกำลังหันมาบริโภคอาหารแบบตะวันตก ซึ่งมีน้ำตาล ไขมันและเกลือสูง พร้อมกับขาดการออกกำลังกาย ในขณะที่สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล
ทั้งหมดนี้นำไปสู่โรคเบาหวาน มะเร็ง เส้นโลหิตอุดตัน และโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตปีละราวๆ 38 ล้านคน