องค์การอนามัยโลกเปิดเผยรายงานเพื่อเร่งเร้าให้มีการเร่งเเก้ปัญหาคนป่วยด้วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 โดยโรคเบาหวานชนิดนี้ทำให้คนเสียชีวิตถึงปีละ 1 ล้าน 5 แสนคน WHO ชี้ด้วยว่าปัจจุบันมีผู้ใหญ่ 422 ล้านคนทั่วโลกเป็นโรคเบาหวาน
องค์การอนามัยโลกประมาณว่าราว 43 เปอร์เซ็นต์ของคนที่เสียชีวิตจากเบาหวานประเภทนี้ เป็นการเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควรเพราะเสียชีวิตก่อนอายุ 70 ปี
องค์การอนามัยโลกชี้ว่าโรคเบาหวานไม่ได้เป็นโรคของคนร่ำรวยอีกต่อไป ผู้ที่เป็นโรคนี้ส่วนมากในปัจจุบันเป็นคนในประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลางถึงรายได้น้อย
องค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่ามีคนเป็นเบาหวานมากที่สุดในประเทศแถบตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศทางฝั่งตะวันตกของแปซิฟิก
รายงานขององค์การอนามัยโลกชี้ว่า การเพิ่มขึ้นอย่างมากของจำนวนคนที่ป่วยด้วยโรคร้ายนี้ มีสาเหตุหลักจากปัญหาน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและเป็นโรคอ้วนรุนแรง
รายงานนี้ชี้ว่าคนในวัยผู้ใหญ่มากกว่าหนึ่งในสามคนมีน้ำหนักตัวเกินและมากกว่า 1 ใน 10 เป็นโรคอ้วนรุนแรง
คุณ Etienne Krug ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการโรคไม่ติดต่อแห่งองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า ผู้ป่วยเบาหวานจะต้องประสบกับอาการแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคนี้ หากไม่ตรวจโรคและรักษาเเต่เนิ่นๆ โดยคนที่เป็นเบาหวานมีโอกาสเสี่ยงสูงขึ้น 2 – 3 เท่าตัว ที่จะเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจตามมา และเสี่ยงที่จะต้องตัดขาทิ้ง สูงขึ้น 10 ถึง 20 เท่าตัว
นอกจากนี้โรคเบาหวานเป็นสาเหตุหลักให้เกิดความพิการทางสายตาและโรคไตวาย
คุณ Krug กล่าวว่า ภาระทางเศรษฐกิจจากโรคเบาหวานอาจจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อทั้งผู้ป่วยเองและสังคม เขาย้ำว่าค่าใช้จ่ายในการบำบัดด้วยสารอินซูลินต่อเดือนสูงมาก ซึ่งเป็นการบำบัดที่จำเป็นเพื่อรักษาชีวิตของแก่ผู้ป่วยเอาไว้
เขากล่าวว่าทุกปีมีค่ารักษาพยาบาลทางตรงเกิน 8 แสน 2 หมื่น 7 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากและตัวเลขนี้ยังไม่รวมเอาค่าใช้จ่ายอื่นๆ เข้าไว้ด้วย อาทิ ความสูญเสียด้านแรงงาน ผลผลิตและอื่นๆ
องค์การอนามัยโลกชี้ว่า การปรับเปลี่ยนไปใช้วิถีชีวิตให้ช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีจะสามารถป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้
องค์การอนามัยโลกยังเเนะนำด้วยว่า เพื่อป้องกันโรคนี้ คนเราควรรับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์ ทำกิจกรรมที่ส่งเสริมการออกแรงกายให้มากขึ้นและควรหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากเกินไป
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)
