รายงานจากผู้จัดงานประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ มุ่งเน้นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาดแรงงาน และระบุว่า กว่า 50% ของงานทั้งหมดทั่วโลกจะถูกดำเนินการโดยเครื่องจักรและหุ่นยนต์ ภายในปี ค.ศ. 2025 หรืออีก 7 ปีข้่างหน้า
สภาเศรษฐกิจโลก (WEF) ประเมินว่า เครื่องจักรจะเป็นผู้ทำงานราว 52% ของงานทั้งหมดในภาคแรงงานภายในเจ็ดปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ใช้เครื่องจักรอยู่เพียง 29%
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า ภายในปี ค.ศ. 2022 งานทั่วโลกราว 75 ล้านตำแหน่งจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักร แต่ก็จะมีการชดเชยด้วยการสร้างงานใหม่ 133 ล้านตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญคือการฝึกอบรม พร้อมทั้งให้ความรู้ใหม่แก่พนักงานเพื่อเตรียมรับมือกับโลกใหม่แห่งการทำงาน
คุณ Saadia Zahidi สมาชิกคณะกรรมการสภาเศรษฐกิจโลก กล่าวว่า การศึกษาวิจัยชี้ให้เห็นว่าทั้งภาคธุรกิจและภาครัฐต่างยังไม่ทราบถึงขอบเขตของความท้าทายสำคัญในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 นี้อย่างถ่องแท้
รายงาน "อนาคตภาคแรงงาน 2018" ฉบับที่สอง ซึ่งสำรวจผู้บริหารที่เป็นตัวแทนของพนักงานกว่า 15 ล้านคนใน 20 บริษัท ระบุว่า การสร้างงานมีแนวโน้มที่เป็นด้านบวกมากขึ้น เมื่อเทียบกับรายงานฉบับที่แล้วที่ทำขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2016 เนื่องจากบรรดาผู้บริหารธุรกิจต่างตระหนักรู้ถึงโอกาสต่างๆ ที่เทคโนโลยีจะสามารถทำให้เป็นไปได้
WEF กล่าวว่า ความท้าทายสำหรับบรรดานายจ้างนั้น รวมไปถึงการให้ทำงานนอกสถานที่ การสร้างเครือข่ายความปลอดภัยเพื่อปกป้องคนงาน และการอบรมทักษะใหม่ให้แก่พนักงาน
อย่างไรก็ตาม รายงานพบว่ามีเพียงหนึ่งในสามของผู้ตอบแบบสอบถามเท่านั้น ที่วางแผนอบรมทักษะใหม่แก่พนักงานที่มีความเสี่ยง
รายงานกล่าวว่า เกือบ 50% ของบริษัทต่างๆ คาดว่าจะลดจำนวนแรงงานที่ทำงานเต็มเวลาในบริษัทลงภายในปี ค.ศ. 2022 ในขณะที่เกือบสองในห้าคาดว่าจะเพิ่มจำนวนพนักงาน และกว่าหนึ่งในสี่คาดว่าระบบอัตโนมัติจะสร้างบทบาทใหม่ในองค์กรของตน