10 นาทีแรก ปะทะปมเศรษฐกิจ-ค่าครองชีพ
ประเด็นแรกที่ว่ากันด้วยเรื่องเศรษฐกิจ แฮร์ริสเป็นผู้เปิดไมค์ก่อน โดยเสนอแผนลดหย่อนภาษี 50,000 ดอลลาร์สำหรับผู้เริ่มธุรกิจรายย่อย และกล่าวหาทรัมป์มีส่วนให้เกิดการขาดดุลการค้าและเพิ่มค่าครองชีพของประชาชนจากกำแพงภาษีสินค้าจากต่างประเทศ
ด้านทรัมป์ปฏิเสธข้อพาดพิงและกล่าวว่านโยบายกำแพงภาษีกับจีน ที่ "เอาเปรียบพวกเรามาหลายปี" และกล่าวหารัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจ สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อ และลากไปถึงปัญหาการทะลักของผู้อพยพ
โต้วาทะปม กม.ทำแท้ง
ประเด็นที่สองเป็นเรื่องสิทธิการคุมกำเนิดที่ศาลสูงพิพากษายกเลิกสิทธิการทำแท้งตามแนวคดีหมุดหมาย Roe V Wade
แฮร์ริสเสนอว่า หากสภาผ่านกฎหมายให้ปกป้องคำตัดสิน Roe V Wade อีกครั้ง เธอจะเซ็นรับรองร่างดังกล่าวหากได้เป็นประธานาธิบดี เพราะประเด็นนี้เป็นสิทธิของผู้หญิงทั่วประเทศ
ทรัมป์ระบุว่าคำตัดสินศาลสูงยกเลิก Roe V Wade เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายต้องการ ก็คือทำให้การตัดสินใจเรื่องสิทธิทำแท้งกลับไปอยู่ในมือของแต่ละรัฐ และเชื่อว่าการโหวตในสภาคองเกรสที่แฮร์ริสเสนอจะไม่เกิดขึ้นได้จริง
ควันหลงนอกปมนโยบายครึ่งชั่วโมงแรก
ในช่วง 30 นาทีแรก ทรัมป์และแฮร์ริสต่างกล่าวว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ก่อปัญหาเศรษฐกิจ ผู้อพยพคนเข้าเมือง ไปจนถึงโจมตีเรื่องที่นอกเหนือนโยบาย เช่น ทรัมป์กล่าวว่าผู้ไปดูการรณรงค์หาเสียงของแฮร์ริสนั้นรับเงินให้มาเข้าร่วม และบอกว่าแฮร์ริสเป็นผู้นิยมลัทธิมาร์กซิสต์ ส่วนแฮร์ริสกล่าวว่าผู้ร่วมงานหาเสียงทรัมป์หลายคนเดินออกจากงานก่อนเวลาด้วยความเหนื่อยและเบื่อหน่าย และทรัมป์จะพูดถึงทุกเรื่องยกเว้นเรื่องของประชาชน เพราะเขาไม่มีแผนใด ๆ ในเรื่องนั้น
ผู้ชมจากช่อง ABC ทะลุ 2.2 ล้านคน
เวลา 21.37 น. ยอดผู้เข้าชมเวทีดีเบตในยูทูบของ ABC อยู่ที่ 2,266,688 คน
ในการดีเบตระหว่างทรัมป์และไบเดนเมื่อเดือนมิถุนายน มีรายงานว่าประชาชนกว่า 51 ล้านคนในสหรัฐฯ ได้ติดตามการโต้อภิปราย แต่ในครั้งนี้มีการคาดกันว่า ตัวเลขน่าจะยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก เพราะนี่คือเวทีที่เป็นเดิมพันครั้งใหญ่ทั้งสำหรับทรัมป์และแฮร์ริส