ทรัมป์กล่าวหาแฮร์ริสและไบเดนว่าเป็นผู้ทำให้ผู้อพยพทะลักเข้ามาและทำให้อัตราอาชญากรรมสูงขึ้น ส่วนแฮร์ริสโต้ว่าการพูดถึงอาชญากรรมจากผู้มีคดีขึ้นโรงขึ้นศาลหลายคดีเป็นเรื่องที่ย้อนแย้ง ส่วนทรัมป์อธิบายว่าคดีความเหล่านั้นมาจากศัตรูทางการเมืองที่ต้องการขัดขวางเขา
ในประเด็นคนเข้าเมือง แฮร์ริสกล่าวว่ารัฐบาลไบเดนทำข้อเสนอในสภาคองเกรสเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการตรวจตราป้องกันการลักลอบปืน ยาเสพติด และมนุษย์ข้ามพรมแดน แต่กล่าวหาว่าทรัมป์เป็นผู้บอกให้ผู้แทนในสภาคองเกรสคว่ำร่างฯ นั้นเสีย
ในช่วงครึ่งแรกของดีเบต ทรัมป์กล่าวว่าอัตราอาชญากรรมในประเทศนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่ลดลงในประเทศอื่น เนื่องจากอาชญากรในประเทศเหล่านั้นลักลอบเข้ามาอยู่ในอเมริกาภายใต้รัฐบาลชุดนี้
ด้านผู้ดำเนินรายการบอกว่าเอฟบีไอรายงานว่า ตัวเลขอาชญากรรมโดยรวมในสหรัฐฯ ลดลง แต่ทรัมป์ปฏิเสธข้อมูลชุดนั้น โดยระบุว่าเอฟบีไอไม่ได้เก็บข้อมูลจากเมืองที่มีอาชญากรรมสูง
หนึ่งในประเด็นที่ทั้งคู่แลกเปลี่ยนวาทะดุเดือด คือประเด็นการส่งผ่านอำนาจทางการเมืองอย่างสันติ ที่ผู้ดำเนินรายการยกประเด็นการก่อจลาจลบุกอาคารรัฐสภาเมื่อ 6 มกราคม 2021 โดยทรัมป์ชี้แจงถึงบทบาทในการสื่อสารถึงผู้ชุมนุมในช่วงเวลานั้น โดยระบุว่าเขาสนับสนุนการเคลื่อนไหวที่ “รักชาติและสันติ” และหันกลับไปโจมตีแฮร์ริสเรื่องอาชญากรรมที่เกิดขึ้นโดยผู้อพยพที่เข้ามาในสหรัฐฯ
ด้านแฮร์ริสกล่าวหาว่าทรัมป์เป็นผู้ยุยงให้เกิดการชุมนุมในวันดังกล่าว เธอเสนอให้ประเทศไม่กลับไปอยู่ในจุดนั้น และเดินหน้าเพื่อยุติการโจมตีคุณค่าพื้นฐานของประชาธิปไตยสหรัฐฯ เพียงเพราะไม่พอใจผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง
ถกปมอิสราเอล-ฮามาส ไหลลามไปสงครามและความมั่นคง
ในประเด็นสงครามอิสราเอล-ฮามาส ทรัมป์ย้ำสิ่งที่สื่อสารมาตั้งแต่ดีเบตกับไบเดน ว่าหากเขาเป็นผู้นำ จะไม่มีสงครามอิสราเอล-ฮามาส และสงครามรัสเซีย-ยูเครนตั้งแต่แรก และกล่าวหาว่าแฮร์ริสเกลียดอิสราเอลและชาวอาหรับ รัฐบาลนี้ทำให้อิหร่านมีความเข้มแข็งขึ้น ในขณะที่รัฐบาลของทรัมป์ทำให้ชาติเผด็จการหวาดกลัวและอ่อนแอ และประกาศว่าสงครามเหล่านี้จะจบลงหากเขาชนะเลือกตั้ง และจะจบลงตั้งแต่ยังไม่เข้ารับตำแหน่ง
แฮร์ริสเน้นย้ำว่าต้องมีการหยุดยิงเพื่อยุติสงคราม และต้องให้นำตัวประกันออกมาจากกาซ่า และทำงานต่อเนื่องนับจากนั้น และลองแนวทางสองรัฐ และยืนยันว่าอิสราเอลมีสิทธิในการป้องกันตนเอง เธอตอบโต้ว่าผู้นำเผด็จการทั้งหลายอยากให้ทรัมป์ขึ้นมามีอำนาจเพราะสามารถใช้ประโยชน์จากทรัมป์ได้ผ่านการยกยอ
ในประเด็นพลังงาน แฮร์ริสปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าเธอต่อต้านการขุดเจาะน้ำมันแบบแฟรกกิ้ง และยืนยันว่าเธอคือผู้สนับสนุนเรื่องนี้เพื่อให้สหรัฐฯ เป็นอิสระจากการพึ่งพาน้ำมันต่างชาติ ด้านทรัมป์กล่าวว่าแฮร์ริสโกหกอีก เพราะเธอคือผู้ที่ต่อต้านการแฟรกกิ้งนานหลายปี รวมทั้งต่อต้านการให้เงินทุนเพิ่มขึ้นต่อตำรวจ และว่า หากเธอชนะเลือกตั้ง ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นอีกมาก
แฮร์ริสเปลี่ยนท่าทีในหลายเรื่อง นับตั้งแต่เธอลงรับเลือกตั้ง รวมถึงนโยบายน้ำมันแฟรกกิ้ง รายงานข่าวก่อนหน้านี้คาดว่าเธอต้องการชนะใจฐานเสียงรัฐเพนซิลเวเนียที่เป็นรัฐสมรภูมิ ซึ่งอุตสาหกรรมแฟรกกิ้งเป็นแหล่งรายได้และงานของคนในรัฐนี้ เมื่อถูกสื่อถามเรื่องการเปลี่ยนนโยบาย เธอกล่าวว่า "ค่านิยมของฉันยังไม่เปลี่ยน"