ลิ้งค์เชื่อมต่อ

วิเคราะห์: ความเห็นศาลสูงสหรัฐฯ รั่วเรื่องสิทธิการทำแท้ง


abortion
abortion

รายงานข่าวเกี่ยวกับสัญญาณจากศาลสูงสหรัฐฯ ที่จะคว่ำคำตัดสินครั้งสำคัญเมื่อปีค.ศ. 1973 ว่าด้วยสิทธิในการทำแท้งอย่างถูกกฎหมายของชาวอเมริกันทั่วประเทศ กลายมาเป็นกระแสการเมืองร้อนแรงที่นำมาซึ่งคำถามมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ในสหรัฐฯ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น ดินแดนแห่งเสรีภาพ

ประวัติศาสตร์อเมริกาต้องมีการบันทึกกรณีที่ไม่เคยเกิดขึ้นในแวดวงตุลาการของประเทศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังเว็บไซต์ Politico เปิดเผยร่างความเห็นเสียงส่วนใหญ่ตุลาการศาลสูงสหรัฐฯ ซึ่งมีเนื้อความระบุว่า ศาลสูงจะคว่ำคำตัดสินประวัติศาสตร์เมื่อ 49 ปีก่อนที่เรียกว่า การตัดสินกรณี Roe v. Wade ซึ่งยอมรับสิทธิของสตรีอเมริกันภายใต้รัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการยกเลิกการตั้งครรภ์ของพวกเธอเอง

Demonstrators protest outside of the U.S. Supreme Court, May 3, 2022 in Washington.
Demonstrators protest outside of the U.S. Supreme Court, May 3, 2022 in Washington.

กรณีการรั่วไหลของร่างความเห็นดังกล่าวกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ถูกมองว่าเป็น ‘ทะเลเพลิงทางการเมือง’ ที่โหมกระหน่ำและลุกลามเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วไปทั่วประเทศ

สมาชิกพรรคเดโมแคตออกมาประณามเรื่องนี้ว่าเป็น “การจำกัดสิทธิครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 50 ปี” และประกาศที่จะผลักดันการผ่านกฎหมายปกป้องสิทธิการทำแท้งให้ได้ ขณะที่ สมาชิกพรรครีพับลิกันแสดงความยินดีต่อร่างความเห็นดังกล่าวที่เขียนขึ้นโดย ผู้พิพากษาศาลสูงฝ่ายอนุรักษ์นิยม แซมมวล อลิโต พร้อม ๆ กับกล่าวหา “พวกฝ่ายซ้ายหัวรุนแรง” ว่า “ทำการบูลลี่ (กลั่นแกล้งรังแก)” ตุลาการศาลสูงของประเทศด้วย

ทั้งนี้ กรณีข้อมูลจากฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ รั่วไหลออกมาถึงมือสื่อนั้นเป็นเรื่องค่อนข้างปกติ แต่แทบไม่เคยเกิดขึ้นกับศาลสูงเท่าใดเลยในประวัติศาสตร์ของประเทศ แม้ว่า อาจมีรายงานข้อมูลการหารือเป็นการภายในของศาลที่หลุดออกมาบ้างเมื่อไม่นานมานี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ร่างความเห็นทั้งฉบับรั่วไหลออกมาให้สาธารณชนรับรู้ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ

US Supreme Court Chief Justice John Roberts
US Supreme Court Chief Justice John Roberts

สื่อ Politico รายงานว่า หัวหน้าคณะตุลาการศาลสูง ผู้พิพากษาจอห์น โรเบิร์ตส ยังไม่ได้รับให้การรับรองร่างความเห็นฉบับนี้ และออกแถลงการณ์ประณามสิ่งที่เกิดขึ้นว่า "กรณีนี้เป็นการทำลายความเชื่อมั่นอย่างมหันต์ ถือเป็นการสบประมาทศาลสูงและบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำงานที่นี่"

การรั่วไหลของคำตัดสินตุลาการศาลสูงสหรัฐฯ เกิดขึ้นบ่อยเพียงใด

กรณีการรั่วไหลของคำตัดสินของตุลาการศาลสูงสหรัฐฯ นั้น เกิดขึ้นน้อยครั้งมาก เพราะคณะตุลาการจะทำการหารือและไต่สวนเป็นการภายในเท่านั้น เพื่อจะได้ไม่ถูกสังคมภายนอกกดดัน

ศาสตราจารย์ โจนาธาน ปีเตอร์ส ซึ่งสอนวิชาว่าด้วยกฎหมายสื่อที่มหาวิทยาลัยแห่งจอร์เจีย (University of Georgia) กล่าวว่า ในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีการรั่วไหลของคำตัดสินและเนื้อหาการหารือของคณะตุลาการออกมาบ้าง แต่สำหรับกรณีร่างความเห็นนั้น การรั่วไหลไม่เคยเกิดขึ้นเลย

รายงานข่าวยกตัวอย่างกรณีที่ข้อมูลของศาลหลุดออกมาก่อนเวลาอันควร อาทิ ในปี ค.ศ. 1972 ที่หนังสือพิมพ์ เดอะ วอชิงตัน โพสต์ รายงานรายละเอียดเนื้อหาการหารือเป็นการภายในของศาลเกี่ยวกับคดี Roe v. Wade ก่อนที่ คณะตุลาการจะประกาศคำตัดสินออกมาอย่างเป็นทางการ และในปี ค.ศ. 2012 ที่รายการ ซีบีเอส นิวส์ รายงานว่า จริง ๆ แล้ว ผู้พิพากษา โรเบิร์ตส หัวหน้าคณะตุลาการศาลสูงสหรัฐฯ แสดงจุดยืนเห็นด้วยกับผู้พิพากษาหัวอนุรักษ์นิยมทั้งหมด ก่อนจะเลือกลงมติคงเนื้อหาหลัก ๆ ของกฎหมายประกันสุขภาพในราคาที่เข้าถึงได้ (Affordable Care Act) ไว้

แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า กรณีการรั่วไหลที่ว่ามาทั้งหมดนี้กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยทันทีเมื่อเทียบกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้

เกบ ร็อธ ผู้อำนวยการบริหารกลุ่มไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด ที่ชื่อ Fix the Court ให้ความเห็นว่า “ในอดีต มีกรณีการรั่วไหลของข้อมูลการหารือภายในที่เกี่ยวกับทิศทางผลการตัดสินคดีหนึ่ง ๆ เท่านั้น แต่การที่เอกสารเกี่ยวกับความคิดเห็นของเสียงส่วนใหญ่ที่มีความหนา 98 หน้าและมีข้อมูลครบ พร้อมการอ้างอิงต่าง ๆ เช่นนี้หลุดรอดออกมา เป็นกรณีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

ใครคือผู้แอบปล่อยเอกสารนี้ออกมา

ในแถลงการณ์ของผู้พิพากษาจอห์น โรเบิร์ตส หัวหน้าคณะตุลาการศาลสูงสหรัฐฯ มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจศาลสูงสหรัฐฯ (Marshal of the U.S. Supreme Court) ทำการสอบสวนหาที่มาของการรั่วไหลครั้งนี้แล้ว

Supreme court
Supreme court

ซาราห์ พาร์แชลล์ เพอร์รี นักวิชาการอาวุโสจากมูลนิธิ Heritage Foundation ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยแนวอนุรักษ์นิยม บอกกับ วีโอเอ ว่า เจ้าพนักงานตำรวจที่รับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของศาลสูงนั้น “มีอำนาจเต็มที่ในการบังคับใช้กฎหมายรัฐบาลกลางและของเขตปกครองดิสตริกต์ออฟโคลัมเบีย (กรุงวอชิงตัน) เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดในการปล่อยเอกสารความคิดเห็นนี้ออกไป”

อย่างไรก็ตาม เกบ ร็อธ จากกลุ่ม Fix the Court บอกกับ วีโอเอ ว่า ตนไม่มั่นใจเลยว่า จะมีการหาตัวผู้กระทำผิดในครั้งนี้ได้ เพราะน่าจะมีผู้ที่เข้าถึงเอกสารฉบับนี้ราว 50-100 คน ซึ่งรวมทั้งผู้พิพากษาทั้ง 9 คน เสมียนอีก 37 คน และพนักงานธุรการ รวมทั้งผู้ดูแลอาคาร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหลายด้วย

การเผยแพร่เอกสารสู่ภายนอกครั้งนี้ ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่

ในเวลานี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า การรั่วไหลของร่างความเห็นตุลาการศาลสูงสหรัฐฯ ถือเป็นการกระทำความผิดทางอาญาหรือไม่ เพราะหากผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ คือ ผู้ที่ได้รับอนุญาตหรือมีสิทธิ์เข้าถึงตัวเอกสารที่หลุดออกมา ข้อหาที่จะมีการฟ้องก็คงเกี่ยวกับการขโมยของหลวง แต่ ณ จุดนี้ ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า ผู้ที่มีสิทธิ์ดังกล่าวคือ ผู้ที่แอบส่งเอกสารให้สื่อ Politico

ซาราห์ พาร์แชลล์ เพอร์รี นักวิชาการอาวุโสจากมูลนิธิ Heritage Foundation กล่าวว่า เอกสารเกี่ยวกับความคิดเห็นของศาลสูงนั้น ไม่ถือว่าเป็นเอกสารชั้นความลับดังเช่นเอกสารอื่น ๆ ของหน่วยงานรัฐทั้งหลาย แต่ข้อมูลการหารือและร่างคำตัดสินของศาลต่างหากที่ถือว่าเป็น เอกสารลับ

แต่ ริชาร์ด เพนเตอร์ อดีตเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลประเด็นจริยธรรมของทำเนียบขาว และปัจจุบัน เป็นอาจารย์สอนวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยแห่งมินนิโซตา กล่าวว่า การนำเอกสารร่างความเห็นของศาลออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อจุดประสงค์ที่จะโน้มน้าวคณะตุลาการศาลให้ตัดสินไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง อาจถือเป็น “ความผิดร้ายแรง” ได้

และหากผู้พิพากษาศาลสูงรายใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ผู้พิพากษานั้น ๆ อาจถูกสภาคองเกรสดำเนินการถอดถอนได้

เกบ ร็อธ จากกลุ่ม Fix the Court กล่าวเสริมว่า ในประวัติศาสตร์อเมริกานั้น มีผู้พิพากษาศาลสูงเพียงรายเดียว ซึ่งก็คือ ผู้พิพากษาแซมมูเอล เชส ที่ถูกถอดถอนในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ขณะที่ ไม่เคยมีกรณีที่ผู้พิพากษาศาลสูงคนใดของสหรัฐฯ ถูกตัดสินว่า มีความผิดจนต้องถูกถอดออกจากตำแหน่งมาก่อน

กรณีการรั่วไหลของเอกสารนี้จะมีผลต่อชื่อเสียงของศาลสูงสหรัฐฯ อย่างไรบ้าง

การรั่วไหลของร่างความเห็นเสียงส่วนใหญ่ของผู้พิพากษาศาลสูงในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ความมั่นใจของประชาชนในตัวศาลสูงและกระบวนการด้านตุลาการ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาม ฝ่ายของระบอบการปกครองประเทศที่ประชาชนเชื่อว่า จะมีความเป็นกลาง กำลังอยู่ในช่วงขาลงจนถึงระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่

ผลสำรวจความคิดเห็นของ Gallup Poll ที่ได้รับการตีพิมพ์ออกมาเมื่อเดือนกันยายนของปีที่แล้วแสดงให้เห็นว่า มีชาวอเมริกันเพียง 40% เท่านั้นที่ยังพอใจในการทำหน้าที่ของตุลาการศาลสูง ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีการสำรวจความคิดเห็นในเรื่องนี้ในปี ค.ศ. 2000

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ศึกชิงเก้าอี้ตุลาการศาลสูงระหว่างฝ่ายหัวก้าวหน้าและฝ่ายอนุรักษ์นิยมในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และคำตัดสินในหลายคดีที่ดูเหมือนจะยึดตามแนวคิดอุดมการณ์เป็นหลัก ทำให้ประชาชนเสียศรัทธาในตัวศาลสูง ขณะที่ ชาวอเมริกันจำนวนมากมองว่า คณะตุลาการศาลสูงนั้นเป็นเหมือน “นักการเมืองสวมเสื้อครุย” มากกว่า

ริชาร์ด เพนเตอร์ อาจารย์สอนวิชากฎหมาย จากมหาวิทยาลัยแห่งมินนิโซตา กล่าวว่า “กรณีที่เกิดขึ้นในเวลานี้ไม่ใช่ปัญหาด้านจริยธรรมปัญหาแรกที่ศาลแห่งนี้ประสบ” และมองว่า ชื่อเสียงของศาลสูงอาจเสียหายมากกว่านี้เพราะสถานการณ์ครั้งนี้ด้วย

เสียงสะท้อนของประชาชนจะเปลี่ยนคำตัดสินในขั้นสุดท้ายได้หรือไม่

หลายฝ่ายเชื่อว่า แม้จะมีประชาชนออกมากดดันกันมากมาย โอกาสที่ศาลสูงสหรัฐฯ จะกลับลำและทำตามกระแสเรียกร้องนั้นต่ำมาก โดยเฉพาะเมื่อแถลงการณ์ของผู้พิพากษาจอห์น โรเบิร์ตส หัวหน้าคณะตุลาการศาลสูงสหรัฐฯ ระบุว่า ร่างความเห็นที่รั่วไหลออกมานั้น “ไม่ได้เป็นตัวแทนคำตัดสินของศาลหรือจุดยืนอันเป็นบทสรุปของสมาชิกคนใดคนหนึ่งเกี่ยวกับประเด็นในคดีนี้”

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ขณะที่ ตุลาการศาลนั้นอาจเปลี่ยนใจในการลงมติคดีใดๆ ได้เสมอ กรณีการรั่วไหลของเอกสารครั้งนี้น่าจะยิ่งทำให้ผู้พิพากษาหัวอนุรักษ์นิยมทั้ง 5 คนเลือกเดินหน้าลงมติคว่ำคำตัดสินคดี Roe v. Wade รวมทั้งคำตัดสินสำคัญในคดีเกี่ยวกับสิทธิการทำแท้งในปี ค.ศ. 1992 ที่รู้จักกันในสหรัฐฯ ในกรณี Planned Parenthood v. Casey ที่เป็นคดีอ้างอิงคำตัดสินคดี Roe V. Wade

ขณะเดียวกัน ริชาร์ด เพนเตอร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งมินนิโซตา ระบุว่า ตุลาการศาลสูงสหรัฐฯ นั้น “ไม่ต้องการที่จะถูกมองว่า ยอมทำตามแรงกดดันของสาธารณะ”

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผู้พิพากษา โรเบิร์ตส ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะตุลาการศาลสูงสหรัฐฯ พยายามที่จะหาจุดยืนตรงกลางในการรับรองกฎหมายโดยไม่ต้องคว่ำคำตัดสินคดี Roe v. Wade แต่หลังเกิดกรณีการรั่วไหลของร่างความคิดเห็นครั้งนี้ ซาราห์ พาร์แชลล์ เพอร์รี นักวิชาการอาวุโสจากมูลนิธิ Heritage Foundation เชื่อว่า ผู้พิพากษา โรเบิร์ตส อาจหันกลับไปลงมติร่วมกับผู้พิพากษาฝ่ายอนุรักษ์นิยมแทนก็เป็นได้

  • ที่มา: วีโอเอ

XS
SM
MD
LG