คณะเจ้าหน้าที่ของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด (Federal Reserve) จะพบกันในสัปดาห์หน้าอีกครั้งเพื่อตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางปัญหาความวุ่นวายทางการเงินหลังจากที่ธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ หรือ SVB (Silicon Valley Bank) เพิ่งล้มครืนลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แม้การล้มลงของธนาคารขนาดใหญ่อันดับที่ 16 ของสหรัฐฯ แห่งนี้อาจไม่ได้ทำให้เฟดระงับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายสกัดเงินเฟ้อไว้ไม่ให้สูงไปกว่านี้ ในขณะที่ประธานระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ เองก็ยืนยันว่าจำเป็นต้องใช้ "ยาแรง" ต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้ได้
แต่กรณีล่าสุดนี้ก็อาจทำให้เฟดต้องดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อที่จะไม่ทำให้การขึ้นดอกเบี้ยต้องส่งผลกระทบร้ายแรงต่อระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งดูเหมือนจะอยู่ในทิศทางที่ดีกว่าปีที่แล้ว
การล้มลงของ SVB ทำให้เฟดตัดสินใจประกาศมาตรการใหม่เมื่อวันอาทิตย์ด้วยการเปิดช่องทางการปล่อยเงินกู้ใหม่เพื่อเพิ่มความมั่นใจในระบบการเงินของสหรัฐฯ และป้องกันความเสี่ยงของลูกค้าแห่ถอนเงินออกจากธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ
บ็อบ ชวาร์ซ นักเศรษฐศาสตร์แห่ง Oxford Economics ให้ความเห็นต่อการปิดธนาคารซิลิคอนแวลลีย์เมื่อวันศุกร์ว่า "ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะชะงักงันต่อระบบธนาคารสหรัฐ ค่อนข้างน้อย แต่ก็อาจทำให้เฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อยในการประชุมครั้งหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงแรงสั่นสะเทือนต่อเสถียรภาพการเงินได้"
ทบทวนนโยบายขึ้นดอกเบี้ย
การประชุมในวันที่ 21-22 มีนาคมนี้ยังเป็นโอกาสที่เฟดจะทบทวนถึงนโยบายที่นำมาใช้ในช่วงที่ผ่านมา ว่าเหตุใดการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องเมื่อปีที่แล้วจึงไม่มีผลชะลอราคาสินค้าต่าง ๆ ลงเท่าที่ควร
ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อเมื่อเดือนมกราคมกลับเพิ่มขึ้น ในขณะที่เฟดคาดการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มูลค่าผลผลิตมวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ของสหรัฐฯ ในปีนี้จะขยายตัวที่ระดับ 2.6% ซึ่งสูงกว่าระดับ 2% ที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้มีการคาดหมายว่าเฟดอาจปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มในระดับสูงอีกในการประชุมครั้งต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้ลงมาอยู่ที่ระดับเป้าหมายที่ 2%
เมื่อวันศุกร์ รายงานตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ ของเดือนกุมภาพันธ์ แสดงให้เห็นว่า อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.6% ขณะที่อัตราการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนชะลอตัวลงแม้ว่าเศรษฐกิจจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ทำให้ยิ่งมีข้อถกเถียงว่าในที่สุดแล้วเฟดจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมสัปดาห์หน้าตามความตั้งใจเดิม หรือจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% เท่านั้น
โดยในวันอาทิตย์ หลังจากที่เฟดออกมาประกาศมาตรการฉุกเฉินเพื่อรับมือความวุ่นวายในภาคการธนาคาร ได้ทำให้ 'ความน่าจะเป็น' ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งหน้าอีก 0.5% นั้นลดลงมาอยู่ที่ระดับไม่ถึง 20% แล้ว
- ที่มา: รอยเตอร์