อิสราเอลคือประเทศที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชากรได้รวดเร็วที่สุดในโลก โดยมี 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมดที่ได้รับวัคซีนโดสแรกภายในเวลาเพียงสามสัปดาห์ และตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้เกินครึ่งประเทศภายในเดือนมีนาคม
ด้วยจำนวนประชากรราว 9 ล้านคน ซึ่งพอ ๆ กับประชากรของนครนิวยอร์ก โครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของอิสราเอลดูเหมือนไม่ใช่เรื่องซับซ้อนมากนักเมื่อเทียบกับประเทศที่มีประชากรหลายร้อยล้านคน อย่างสหรัฐฯ
ถึงกระนั้น รัฐบาลอเมริกันอาจใช้บทเรียนบางอย่างจากความสำเร็จของอิสราเอลมาปรับใช้กับการกระจายวัคซีนไปยังส่วนต่าง ๆ ของประเทศได้ อ้างอิงจากรายงานของวอลสตรีทเจอนัล
แยกใส่บรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กลง
วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค (Pfizer Inc. - BioNTech) มีเวลาหมดอายุสั้นและต้องใช้ภายใน 5 วันหลังจากที่ออกจากศูนย์เก็บวัคซีนหลัก ดังนั้น เพื่อให้สามารถส่งไปยังพื้นที่ห่างไกลได้ทันเวลา ทางการอิสราเอลได้ขออนุญาตจากบริษัทไฟเซอร์ในการแยกบรรจุภัณฑ์ของบริษัทที่มีวัคซีนรวม 1,000 โดส เป็นกล่องเล็กลงที่บรรจุวัคซีนไม่กี่ร้อยโดสก่อนที่จะส่งออกไป
นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้มีวัคซีนเหลือทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ ทางการอิสราเอลอนุญาตให้ศูนย์ฉีดวัคซีนต่าง ๆ สามารถให้วัคซีนที่เหลือมาจากการฉีดผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีและบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายกลุ่มแรก ให้กับประชาชนทั่วไปที่มาต่อคิวขอรับวัคซีนก่อน
ตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนชั่วคราวโดยเฉพาะ
อิสราเอลใช้วิธีตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนชั่วคราวขึ้นมาโดยเฉพาะ แยกจากโรงพยาบาลหรือศูนย์การแพทย์ต่าง ๆ เช่น สนามกีฬา หอประชุม หรือเต็นท์ที่ตั้งขึ้นในเขตชุมชนต่าง ๆ เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยศูนย์ชั่วคราวเหล่านั้นจะมีแพทย์และพยาบาลมาสลับกันเข้าเวรทุกวัน
นอกจากนี้ยังจัดมีการตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนแบบไดร์ฟทรูเพื่อเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้น และที่สำคัญ ประชาชนทุกคนสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ฟรี
การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ให้บริการด้านสาธารณสุขในอิสราเอลได้แจ้งไปยังประชาชนตั้งแต่เนิ่น ๆ เกี่ยวกับโครงการฉีดวัคซีนโควิด โดยเฉพะการแจ้งเตือนผู้ที่อยู่ในกลุ่มแรก ๆ ที่จะได้รับวัคซีน ผ่านการส่งข้อความ แอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์ต่าง ๆ ของรัฐบาล
นอกจากนี้ ทางการอิสราเอลยังได้จัดทำระบบพาสปอร์ตดิจิทัลด้านสาธารณสุขให้แก่ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว เพื่อให้สามารถหลีกเลี่ยงการถูกกักตัวในกรณีเดินทางข้ามจังหวัด และการเข้าไปใช้บริการสถานที่ต่าง ๆ เช่น ร้านอาหาร สนามกีฬา หรือนิทรรศการต่าง ๆ
การเข้าถึงชนกลุ่มน้อยในสังคม
ก่อนโครงการฉีดวัคซีนของอิสราเอลจะเริ่มขึ้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้พยายามประชาสัมพันธ์เพื่อให้ชนกลุ่มน้อยในอิสราเอลยินดีเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ด้วย โดยเฉพาะกลุ่มชาวอาหรับและกลุ่มนับถือนิกายอัลตรา-ออร์โธด็อกซ์ ซึ่งยังคงคลางแคลงใจกับการฉีดวัคซีน โดยชนกลุ่มน้อยทางศาสนาทั้งสองกลุ่มนี้มีประชากรรวมกันราว 33 เปอร์เซนต์ของประชากรทั้งประเทศ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอิสราเอลได้พบปะกับผู้นำของศาสนาต่าง ๆ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ได้เดินทางไปเยี่ยมชุมชนอาหรับหลายแห่งเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการฉีดวัคซีนเช่นกัน
ส่วนที่ยังเข้าไม่ถึง: ประชากรชาวปาเลสไตน์
แม้โครงการฉีดวัคซีนของอิสราเอลได้รับการยกย่องจากทั่วโลก และถือเป็นประเทศที่สามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วมากที่สุดประเทศหนึ่ง แต่ในทางกลับกัน ยังคงมีปัญหาในการแจกจ่ายวัคซีนให้กับประชากรชาวปาเลสไตน์ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กันชนต่าง ๆ คือ ฉนวนกาซ่า และเขตเวสต์แบงค์ จำนวนหลายล้านคน
สำนักข่าวอัลจาซีร่า (Al-Jazeera) รายงานว่า ชาวปาเลสไตน์ยังคงถูกปฏิเสธการฉีดวัคซีนโดยทางการอิสราเอล และมีรายงานว่าวัคซีนโควิด-19 หลายร้อยโดสถูกนำไปทิ้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพราะหมดอายุ
ภายใต้มาตรา 56 ของอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่สี่ ระบุไว้ว่าผู้ที่ครองครองดินแดนส่วนใดก็ตาม มีหน้าที่กำหนดและรับรองการใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดต่อหรือโรคระบาดใหญ่ในดินแดนนั้น ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลอิสราเอลมีภาระผูกพันตามกฎหมายที่ต้องจัดหาวัคซีนในปริมาณที่เหมาะสมให้กับชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซ่าและเขตเวสต์แบงค์
นอกจากนี้ กฎหมายระหว่างประเทศยังกำหนดด้วยว่า วัคซีนที่แจกจ่ายให้กับชาวปาเลสไตน์ต้องผ่านการรับรองตามมาตรฐานด้านสาธารณสุขของอิสราเอลเองด้วย
จนถึงขณะนี้ ทางการปาเลสไตน์เองยังไม่สามารถจัดหาวัคซีนโควิด-19 ในปริมาณที่เพียงพอสำหรับประชากรของตนเอง เนื่องจากปัญหาด้านการเงิน ทำให้ต้องพึ่งพาต่างชาติในการจัดหาความช่วยเหลือที่จำเป็นนี้ โดยเฉพาะโครงการพันธมิตรด้านวัคซีนขององค์การอนามัยโลก หรือ COVAX ที่ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในความหวังที่มีไม่มากนักของชาวปาเลสไตน์