เมื่อวันพุธ อังกฤษเป็นประเทศแรกที่อนุมัติวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ร่วมพัฒนาโดยบริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) และมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด โดยนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า วัคซีนตัวนี้อาจจะ “พลิกโฉม” การต่อสู้กับโควิด-19 ทั่วโลก
หน่วยงานกำกับดูแลด้านยาต่างระบุว่า วัคซีนตัวนี้มีประสิทธิผลต้านโควิด-19 อยู่ที่ราว 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับวัคซีนต้านโรคอื่น ๆ
ดร. จูน เรน ประธานบริหารของสำนักงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ หรือ MHRA ของรัฐบาลอังกฤษ ระบุว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกาได้รับการอนุมัติให้ใช้กับบุคคลอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยต้องฉีดสองโดส แต่ละโดสห่างกัน 4-12 สัปดาห์ ดร. เรน ยืนยันว่า MHRA อนุมัติวัคซีนโดยทบทวนหลักฐานความปลอดภัย มาตรฐาน และประสิทธิผลของวัคซีนอย่างถี่ถ้วนและเข้มงวด
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา อังกฤษเป็นประเทศตะวันตกประเทศแรกที่อนุมัติวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) และบริษัทไบโอเอ็นเทค (BioNTech) ที่มีประสิทธิผลราว 95 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม วัคซีนตัวนี้มีราคาแพงกว่า คือราว 20 ดอลลาร์ต่อโดส และต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิเย็นจัดในระดับ -70 องศาเซลเซียส
ในทางกลับกัน วัคซีนของแอสตราเซเนกาและมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด มีราคาราว 4 ดอลลาร์ต่อโดส และสามารถเก็บรักษาได้ในระดับอุณหภูมิของตู้เย็นธรรมดาทั่วไป
ดร. ไซมอน คลาร์ค นักจุลชีววิทยาของมหาวิทยาลัยเรดดิ้ง บอกกับวีโอเอว่า ขั้นตอนการเก็บรักษาวัคซีนของแอสตราเซเนกาที่มีเงื่อนไขเรียบง่ายกว่า ทำให้วัคซีนตัวนี้เหมาะกับประเทศที่มีงบประมาณสาธารณสุขน้อยกว่า เช่น ประเทศกำลังพัฒนา
ทั้งนี้ อังกฤษวางแผนฉีดวัคซีนโดสแรกกับประชาชนให้ได้มากที่สุด แทนที่จะเน้นให้ผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบางก่อน โดยจะให้วัคซีนโดสที่สองภายใน 12 สัปดาห์เพื่อสร้างภูมิต้านทานในระยะยาว
เวย เชิน ลิม ประธานคณะกรรมการร่วมด้านวัคซีนและการสร้างภูมิต้านทานของรัฐบาลอังกฤษ อธิบายว่า ผู้ได้รับวัคซีนของแอสตราเซเนกามีภูมิต้านทานสูงหลังได้รับวัคซีนโดสแรกเพียงไม่นาน จึงเหมาะกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในอังกฤษที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
แมตต์ ฮานค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษ กล่าวกับสำนักข่าว Sky News ว่า เขามั่นใจว่าทางการจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และจะฉีดวัคซีนให้กลุ่มคนเปราะบางได้อย่างเพียงพอภายในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และคาดว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสในประเทศจะดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวจากไวรัสของอังกฤษนั้นอาจไม่ราบรื่น ขณะนี้อังกฤษมียอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นสูงจากไวรัสที่กลายพันธุ์ใหม่ซึ่งแพทย์ระบุว่าระบาดง่ายกว่าไวรัสตัวเดิมกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ อังกฤษยังมียอดผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสูงเป็นสถิติใหม่ ต้องมีการรักษาคนไข้ในรถพยาบาลเนื่องจากโรงพยาบาลมีเตียงผู้ป่วยไม่พอ
ทั้งนี้ เริ่มมีการพบผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์ในหลายประเทศ โดยนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ทั่วโลกควรเร่งการฉีดวัคซีนให้ประชาชนมากขึ้นในขณะที่ไวรัสกลายพันธุ์ใหม่นี้กำลังระบาด
