ประธานาธิบดีอิหร่านย้ำว่าประเทศตนจะไม่ละทิ้งสิทธิ “ในการครอบครองพลังงานนิวเคลียร์อย่างสันติ” และเรียกร้องให้สหรัฐฯ แสดงให้อิหร่านเห็นว่าต้องการจะกลับเข้าสู่การเจรจาเพื่อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ที่จัดทำกับอิหร่านเมื่อปี 2015
ประธานาธิบดีอิหร่าน เอบราฮิม ราอิซี กล่าวในเวทีประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ว่า การที่สหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์เป็นการ “ตอบสนองที่ไม่เหมาะสม” ต่อความมุ่งมั่นการปฏิบัติตามข้อตกลงของอิหร่าน
เมื่อปี 2018 อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนสหรัฐฯ แต่เพียงฝ่ายเดียวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำไว้กับอิหร่าน และนำมาตรการลงโทษต่าง ๆ กลับมาใช้กับรัฐบาลเตหะรานอีกครั้ง
ทางฝั่งอิหร่านได้ทำผิดเงื่อนไขในข้อตกลงดังกล่าวในอีก 1 ปีต่อมา และในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว การเจรจาอย่างเป็นทางการระหว่างสองชาติที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย เพื่อหวังฟื้นข้อตกลงนี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
อิหร่านปฏิเสธมาตลอดว่ากำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และในเวทีที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติ ผู้นำอิหร่านย้ำยืนยันอีกครั้งว่า “อาวุธนิวเคลียร์ไม่ได้อยู่ในหลักการด้านการป้องกันและการทหาร” ของประเทศ
เมื่อวันจันทร์ ทางราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ IAEA (International Atomic Energy Agency) กล่าวกับเอพีว่า รัฐบาลอิหร่านได้ถอดกล้องและอุปกรณ์ตรวจสอบที่ติดตั้งโดยหน่วยงาน IAEA เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ยากต่อการตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน และกรอสซีเคยเตือนว่ารัฐบาลเตหะรานมียูเรเนียมเสริมสมรรถนะเพียงพอสำหรับการผลิตระเบิดนิวเคลียร์
ทางปธน.อิหร่านไม่ได้กล่าวถึงการตรวจสอบที่ว่านี้ แต่สหภาพยุโรปได้ออกแถลงการณ์ในค่ำวันอังคารว่า โจเซพ บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศอียู ได้พบกับรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านในวันอังคาร และพูดคุยกันในหลายประเด็น รวมทั้งเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์ เรื่องทีมตรวจสอบด้านนิวเคลียร์ที่ถูกอิหร่านสั่งห้ามเข้าประเทศ ตลอดจนประเด็นการจับกุมคุมขังพลเมืองยุโรปรวมถึงผู้ที่ถือสองสัญชาติด้วย
ในการหารือระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศอียู ยังได้ขอให้รัฐบาลอิหร่านยุติความร่วมมือด้านการทหารกับรัสเซียอีกด้วย หลังจากที่ชาติตะวันตกระบุว่าอิหร่านส่งโดรนให้แก่รัสเซียเพื่อใช้ในสงครามกับยูเครน ซึ่งรัฐบาลเตหะรานปฏิเสธมาโดยตลอด
- ที่มา: เอพี
กระดานความเห็น