อินโดนีเซียเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ต้องร่วมกันยึดมั่นต่อ "ฉันทามติ 5 ข้อ" ที่นำมาใช้ในการจัดการวิกฤตในเมียนมา พร้อมกับวิจารณ์ไทยอย่างอ้อม ๆ เกี่ยวกับการจัดประชุมหารือกับผู้แทนเมียนมา
ทูตเอนกูราห์ สวาจายา ที่ปรึกษาพิเศษของกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่า "ในส่วนที่เกี่ยวกับอาเซียน เรามีหลักเกณฑ์ของเรา (ในเรื่องเมียนมา) เรามีฉันทามติ 5 ข้อ เรามีข้อตกลงจากการประชุมสุดยอด นั่นเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ แต่เราจะไม่เข้าร่วม (การประชุมที่รัฐบาลไทยจัดขึ้น) "
ที่ปรึกษาผู้นี้กล่าวด้วยว่า "หากเราต้องการบอกว่าการประชุมที่ไทยขัดกับหลักการความเป็นหนึ่งเดียวกันของอาเซียน คุณสามารถพูดเช่นนั้นได้ตามการแปลความหมายของคุณ แต่ในความเป็นจริงคือสมาชิกอาเซียนทุกประเทศยังคงให้การสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งต่ออินโดนีเซีย และไม่ใช่ว่าอินโดนีเซียไม่ทำอะไร"
ทางด้าน โมฮัมหมัด โรสยีดิน ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยดิโปนีโกโร (Diponegoro University) ในอินโดนีเซีย กล่าวว่า "อาเซียนจำเป็นต้องชัดเจน อาเซียนจะต้องไม่ยอมประนีประนอมกับรัฐบาลทหารเมียนมาเพราะขัดกับหลักการของอาเซียน ต้องมีความเป็นเอกฉันทน์ในวิธีการที่อาเซียนจะนำมาใช้ในการจัดการกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมและการเมืองในเมียนมา"
ในช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมา ผู้นำทหารเมียนมาถูกปฏิเสธการเข้าร่วมในการประชุมระดับสูงของสมาคมอาเซียน เนื่องจากไม่ปฏิบัติตาม 'ฉันทามติ 5 ข้อ' และไม่เริ่มการเจรจากับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองซึ่งมีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลพลเรือนที่ถูกยึดอำนาจ
แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลไทยได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลทหารเมียนมา ตาน สเว ร่วมการเจรจากับประเทศสมาชิกอื่น ๆ ของอาเซียน เป็นเวลาสองวัน
สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า เรื่องนี้ได้ทำให้เกิดการแบ่งแยกสมาชิกอาเซียนออกเป็นสองฝ่ายท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสม และถือเป็นการกัดเซาะความพยายามของอาเซียนในการแก้ไขจัดการวิกฤตในเมียนมา
อินโดนีเซียและมาเลเซียต่างปฏิเสธเข้าร่วมการประชุม ขณะที่สิงคโปร์เตือนว่ายังเร็วเกินไปที่จะให้ผู้แทนรัฐบาลทหารเมียนมาเข้าร่วมการประชุมระดับสูงในอาเซียน
แต่กัมพูชายืนยันส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ขณะที่จีนซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมามาโดยตลอด ส่งผู้แทนพิเศษด้านกิจการเอเชีย เติ้ง สีจุ้น มาร่วมการประชุม
- ข้อมูลบางส่วนจากเอเอฟพี และรอยเตอร์